
7 วิธีดูแลสุขภาพจิตใจพนักงาน เพื่อสร้างความสุขและประสิทธิภาพในการทำงาน
- 14/06/24
ในโลกของการทำงานยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความเครียดและความกดดัน ปัญหาสุขภาพจิตใจของพนักงานกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ทุกองค์กรต้องให้ความสนใจ จากการสำรวจของ WHO พบว่ากว่า 264 ล้านคนทั่วโลกต้องเผชิญกับภาวะซึมเศร้า และอีกกว่า 284 ล้านคนมีความวิตกกังวลผิดปกติ ซึ่งนอกจากจะส่งผลเสียต่อคุณภาพชีวิตพนักงานแล้ว ยังบั่นทอนประสิทธิภาพการทำงานไปด้วย (World Health Organization, 2022) และนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพจิตมีหลายรูปแบบ ได้แก่ ภาวะเครียดเรื้อรัง ความวิตกกังวล ภาวะหมดไฟ โรคซึมเศร้า โดยปัญหาสุขภาพจิตเหล่านี้มีสาเหตุได้หลากหลายด้าน ทั้งจากลักษณะงาน ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน การบริหารจัดการ รวมถึงปัญหาส่วนตัว (Pfeffer, 2018)
ด้วยสภาพการทำงานที่เคร่งเครียดเช่นนี้ นอกจากผลกระทบต่อตัวพนักงานเองแล้ว ปัญหาสุขภาพจิตยังส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพการทำงานอีกด้วย ดังนั้น องค์กรจึงควรสังเกตสัญญาณของปัญหาสุขภาพจิต เช่น อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิด ก้าวร้าวง่าย เบื่อหน่าย ไม่สนใจใยดีสิ่งรอบข้าง ขาดสมาธิ ทำผลงานได้ลดลง มาสายหรือขาดงานบ่อย (Raypole, 2021) และรีบให้ความช่วยเหลือที่เหมาะสมแก่พนักงานที่มีความเสี่ยงโดยเร็ว เพื่อที่จะได้ให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที ซึ่งมีหลากหลายวิธีซึ่งสามารถนำมาปรับใช้ได้ตามความเหมาะของแต่ละบริษัทได้
แนวทางที่องค์กรสามารถดำเนินการเพื่อดูแลส่งเสริมสุขภาพจิตใจของพนักงานมีดังนี้
1.เริ่มต้นจากการสร้างบรรยากาศและความสัมพันธ์ที่ดีในการทำงาน ผ่านการจัดกิจกรรมสานสัมพันธ์ ส่งเสริมการสื่อสารที่ดี เปิดกว้างทางความคิด ความเห็นต่างและเคารพซึ่งกันและกัน
2.จัดสภาพแวดล้อมการทำงานให้ผ่อนคลายไม่เคร่งเครียด ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องสถานที่ แสง สี เสียง หรือสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ (Mental Health America, 2022) ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีอิทธิพลอย่างมากต่อสุขภาวะทางใจโดยรวมของพนักงาน
3.ในการมอบหมายงานและติดตามความก้าวหน้า องค์กรควรกำหนดขอบเขตหน้าที่ เป้าหมาย และความคาดหวังที่ชัดเจน เหมาะสมกับความสามารถของแต่ละคน พร้อมทั้งให้การสนับสนุน คำชี้แนะ และ feedback อย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้พนักงานรู้สึกถึงคุณค่าและมีกำลังใจในการทุ่มเทพัฒนางานต่อไปอย่างมีความสุข (Moss, 2019)
4.หากพบว่าพนักงานเริ่มมีความเครียด ไม่มีความสุขกับงาน หรือมีปัญหาส่วนตัวบางอย่างที่ส่งผลต่อการทำงาน องค์กรควรจัดให้มีช่องทางในการให้คำปรึกษา รับฟังปัญหา และให้ความช่วยเหลืออย่างเหมาะสม ทั้งจากหัวหน้างาน ฝ่ายทรัพยากรบุคคล หรือผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก เพื่อเยียวยาจิตใจและหาทางออกร่วมกันก่อนที่ปัญหาจะลุกลาม (Mental Health America, 2022)
5.นอกจากการดูแลสุขภาพจิตแบบเชิงรับ เมื่อปัญหาสุขภาพจิตเกิดขึ้นแล้ว องค์กรยังสามารถช่วยป้องกันปัญหาเชิงรุกได้ด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดีอย่างสม่ำเสมอ เช่น workshop ให้ความรู้เรื่องการจัดการความเครียด การสังเกตอาการโรคซึมเศร้าในเบื้องต้น วิธีผ่อนคลายอารมณ์ การค้นหากิจกรรมเพื่อการพักผ่อนที่เหมาะกับตัวเอง (Raypole, 2021)
6.รณรงค์ให้พนักงานใช้ชีวิตอย่างสมดุล จัดตารางการทำงานให้พนักงานสามารถแบ่งเวลาให้ครอบครัว งานอดิเรก การพักผ่อน ออกกำลังกาย การเจริญสติ เพื่อลดความเครียดและความวิตกกังวล สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยพื้นฐานสู่การมีสุขภาพใจที่ดี ป้องกันปัญหาทางจิตและเสริมความแข็งแรงทางใจได้ในระยะยาว (Moss, 2019)
7.สุดท้าย เพื่อให้การส่งเสริมสุขภาพจิตในที่ทำงานเกิดผลอย่างยั่งยืน จึงจำเป็นต้องปลูกฝังเรื่องนี้ให้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร โดยกำหนดเป็นนโยบาย มาตรการ และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ชัดเจน เช่น การลาเพื่อพบจิตแพทย์ การใช้ประกันสุขภาพดูแลสุขภาพจิต หรือการจัดทำคู่มือแนวปฏิบัติเรื่องการส่งเสริมสุขภาพจิตในองค์กร รวมถึงต้องมีการสื่อสารประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องให้ทั่วถึงทั้งองค์กร (Pfeffer, 2018) เมื่อทุกคนเห็นความสำคัญและมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนแล้ว จึงจะร่วมกันขับเคลื่อนวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมสุขภาพจิตไปในทิศทางเดียวกันได้
การดูแลสุขภาพจิตของพนักงานเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่การสร้างองค์กรในฝัน ที่ทุกคนทำงานอย่างมีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งนำไปสู่ความผูกพันมุ่งมั่นต่อองค์กร ประสิทธิภาพในการทำงานที่สูงขึ้น ผลกำไรที่เพิ่มขึ้น และการเติบโตอย่างยั่งยืน ดังนั้น การลงทุนเพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีให้พนักงาน จึงเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตขององค์กร ในฐานะผู้นำและนายจ้าง
ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนและสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรงของพนักงาน ด้วยความใส่ใจ เข้าอกเข้าใจ และการลงมือทำอย่างจริงจัง เมื่อทุกคนในองค์กรร่วมมือร่วมใจกัน เราจะสามารถสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ และแผ่ขยายความสุขนั้นไปสู่ลูกค้า ครอบครัว ชุมชน และสังคมโดยรวมได้อย่างแน่นอน หรือสามารถปรึกษา SAKID ในการแนะนำกิจกรรมดูแลจิตใจพนักงาน ผ่านผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต โดยนักจิตวิทยา มีทั้ง workshop และบริการนักจิตวิทยาออนไลน์แบบส่วนตัวให้พนักกงานเป็นสวัสดิการในราคาแบบเหมาชั่วโมง
แหล่งอ้างอิง
Mental Health America. (2022). Workplace Mental Health. https://mhanational.org/workplace-mental-health
Moss, J. (2019, December 11). When passion leads to burnout. Harvard Business Review. https://hbr.org/2019/07/when-passion-leads-to-burnout
Pfeffer, J. (2018). The overlooked essentials of employee well-being. McKinsey Quarterly. https://www.mckinsey.com/business-functions/people-and-organizational-performance/our-insights/the-overlooked-essentials-of-employee-well-being
Raypole, C. (2021, July 15). Signs of high functioning anxiety. GoodTherapy. https://www.goodtherapy.org/blog/signs-of-high-functioning-anxiety-0715197
Vos T, Allen C, Arora M, Barber RM, Bhutta ZA, Brown A, et al. (2015). Global, regional, and national incidence, prevalence, and years lived with disability for 310 diseases and injuries, 1990–2015: a systematic analysis for the Global Burden of Disease Study 2015. The Lancet, 388(10053), 1545-1602. https://doi.org/10.1016/S0140-6736(16)31678-6
World Health Organization (2022). Mental health in the workplace. https://www.who.int/teams/mental-health-and-substance-use/promotion-prevention/mental-health-in-the-workplaceReferences:
บทความที่น่าสนใจ

WORKSHOP Cooking class เคบับ
กิจกรรม Cooking class เคบับ
วันที่ 6 สิงหาคม 2567 SAKID ได้จัดกิจกรรม Cooking class เคบับ ที่บริษัท CBRE โดยพนักงานได้เข้าร่วมจำนวน 40 คน ซึ่งนักกำหนดอาหารวิชาชีพ ได้เป็นผู้ให้ความรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบและมีทริคการดูแลสุขภาพด้านอาหารสำหรับชาวออฟฟิศให้เล่นเกมสุขภาพพร้อมรับของรางวัลกันอีกด้วย คลาสสอนทำเคบับ จะสอนให้ทุกคนทำซัลซาซอสจากมะเขือเทศสด แทนการใช้ซอสมะเขือเทศ การปรุงวัตถุดิบไก่และผักและการห่อม้วนแรป ทำกินเองอร่อยได้ง่ายๆ ที่บ้าน

ทำอย่างไร เมื่อคนในองค์กรเป็น Office syndrome
คุณเป็นอีกคนหนึ่งหรือเปล่าที่ตอนนี้กำลังมีอาการปวดหลัง ปวดคอ ปวดบ่า ปวดหัว นั่งทำงานสักพักก็รู้สึกตึงเมื่อย หากคุณคิดว่า นี่ไม่ใช่เพราะอายุเพียงอย่างเดียว แต่กำลังบ่งบอกว่าคุณมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเป็น Office syndrome โรคยอดฮิตที่หลายคนรู้จักแต่คงไม่อยากที่จะสนิทสนม

ประเมินผลการทำงานอย่างไร ไม่ให้ลำบากใจ
ประเมินผลการทำงานอย่างไร ไม่ให้ลำบากใจ
เมื่อฤดูประเมินมาถึง…บอสหลายคนอาจรู้สึกว่าการต้องวิจารณ์หรือพูดถึงข้อดีข้อเสียต่อหน้าคนๆ นั้นตรงๆ…เป็นเรื่องน่าอึดอัด ส่วนในมุมมองของตัวผู้ถูกประเมินเอง เมื่อต้องมาฟังข้อเสียหรือเรื่องแย่ๆ ของตน…บางคนก็รู้สึกมีอารมณ์ ไม่ว่าจะผิดหวัง เศร้าเสียใจ หรือโกรธ นั่นทำให้พวกเขาพูดจาหรือแสดงท่าทีปกป้องตนเองในแบบต่างๆ แถมไม่ใช่แค่ตอนพูดคุยประเมินกันเท่านั้น หลังจากนั้นบางคนยังอาจแสดงความไม่พอใจหรือต่อต้านองค์กร ตั้งแต่มาทำงานสาย หยุดงาน จนไปถึงแสดงความก้าวร้าว พลอยทำให้องค์กรและผู้ร่วมงานอึดอัดและเสียหายไปด้วย…เป็นเรื่องน่าลำบากใจใช่ไหม

PDCA คืออะไร รู้จักหลักการที่ทำให้งานของคุณมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ทำงานแล้วเจอแต่ปัญหาซ้ำ ๆ จนบั่นทอนใจ แก้เท่าไหร่ก็ไม่จบเสียที ลองหันมาใช้ PDCA วิธีบริหารจัดการองค์กรที่ช่วยแก้ปัญหาอย่างตรงจุด แล้ว PDCA หมายถึงอะไรบ้าง?

EAP คือ ? รู้จักกับเครื่องมือสำคัญในการช่วยเหลือสุขภาพใจพนักงานให้ดียิ่งขึ้น
ปัญหาสุขภาพจิตของพนักงานเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่องค์กรไม่ควรมองข้าม เครื่องมือสำหรับช่วยเหลือในปัญหาสุขภาพจิตอย่าง EAP จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรจะมีไว้ในองค์กร

แพลตฟอร์ม สื่อสารพูดคุยในบริษัทที่น่าสนใจ
การแยกเรื่องงานออกกจากความเป็นส่วนตัวเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะจำให้เรารู้จัก Work Life Balance เวลาได้เป็นอย่างดี ในการใช้แพลตฟอร์มที่มีความเป็นส่วนตัวมาทำงาน สั่งงาน ตามงาน อาจจะไม่เหมาะสักเท่าไรในบริษัท ส่วนลูกค้าถ้าจะทำให้ติดต่อง่ายอาจจะใช้เป็นช่องทางLine officialของบริษัทในการพูดคุยกับลูกค้าได้ มีเวลาทำการที่ชัดเจนโดยไม่ใช้ไลน์ส่วนตัวในการพูดคุย