Happy Workplace
URL Copied!

Happy Workplace สร้างองค์กรอย่างไรให้เต็มไปด้วยความสุข

ช่วงนี้หันไปทางไหนก็ต้องได้ยินใคร ๆ พูดว่ากำลังเบิร์นเอาต์ให้ได้ยินกันบ่อย ๆ แม้แต่องค์การอนามัยโลก (WHO) ก็ได้ประกาศให้ “ภาวะหมดไฟในการทำงาน” (Burnout Syndrome) เป็นความผิดปกติชนิดหนึ่ง เพื่อสร้างความตระหนักให้คนทั่วไปเห็นความสำคัญมากขึ้น โดยเพิ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา

 

จากสถานการณ์นี้ภาวะเบิร์นเอาต์จึงไม่ได้เป็นเรื่องเล่น ๆ หรือเป็นเรื่องที่ต้องแก้ที่ตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่ขึ้นอยู่กับสังคมและสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะในสถานที่ทำงาน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ทำให้เกิดภาวะเบิร์นเอาต์ได้มากที่สุด

 

หลายออฟฟิศจึงเริ่มมองหาแนวทางปรับเปลี่ยนเพื่อดูแลใจคนทำงานกันมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือการสร้าง “องค์กรแห่งความสุข” (Happy Workplace) ซึ่งเป็นแนวคิดที่ริเริ่มครั้งแรกในปี พ.ศ. 2513 จากองค์กรสุขภาพของประเทศแคนาดา

 

โดยองค์กรแห่งความสุขยึดมั่นในแนวคิดการพัฒนาคนในองค์กรให้มีความสุขผ่านกระบวนการคิด การมอบหมายงาน หรือการร่วมกันออกแบบองค์กรที่ทุกคนมีส่วนร่วม นำไปสู่ความสุขในการทำงาน และก่อให้เกิดศักยภาพในการทำงานตามไปด้วย

 

องค์กรแห่งความสุขนี้จึงอาจเป็นสิ่งที่มาช่วยตอบโจทย์ให้คนทำงานมีความสุขมากขึ้น และทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยไม่รู้สึกเบิร์นเอาต์ไปเสียก่อน

 

ความสุขในการทำงานคืออะไร

 

แต่ก่อนจะไปทำความรู้จักวิธีการสร้างองค์กรแห่งความสุข (Happy Workplace) เราอาจจะต้องมาคุยเรื่องความสุขในการทำงานกันเสียก่อน 

 

ความสุขในการทำงาน คือ การที่พนักงานมีความรับรู้ทางอารมณ์ในทางบวกต่อการทำงานที่ตนได้รับมอบหมาย โดยสามารถเกิดขึ้นได้จากสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม การได้รับคำชม หรือความรู้สึกปลอดภัยทั้งทางกายและทางใจในการทำงาน นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่ความมั่นคง ความก้าวหน้าในการงานของตนเอง

 

โดยความสุขในการทำงาน จะเกิดขึ้นผ่าน 3 ปัจจัย ได้แก่

 

1. ความสนุกในการทำงาน (Arousal) หมายถึงการทำงานด้วยความรู้สึกสนุก ไม่กดดันหรือวิตกกังวลใด ๆ เกิดความเต็มใจที่จะทำงาน และมีความคิดด้านบวกกับงานที่ได้รับมอบหมาย

 

2. ความพอใจในงาน (Pleasure) หมายถึงการทำงานด้วยความรู้สึกสบายใจ ไม่เกิดความทุกข์ หรือไม่ชอบในงานที่ทำ

 

3. ความอยากในการทำงาน (Self-validation) หมายถึงการทำงานด้วยความกระตือรือร้น เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจอยากทำงานให้ดีและลุล่วง

 

 

ทำไมต้องสร้าง Happy Workplace หรือ องค์กรแห่งความสุข

 

อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นว่าภาวะเบิร์นเอาต์กลายเป็นปัญหาสำคัญของคนทำงานในยุคปัจจุบัน ซึ่งภาวะเบิร์นเอาต์นำไปสู่ปัญหาอีกหลากหลายอย่าง ในทางปัจเจกเอง คนทำงานย่อมรู้สึกไม่มีความสุข วิตกกังวล เครียด หรือแม้แต่นำไปสู่ภาวะซึมเศร้า ในทางองค์กรเองก็จะส่งผลให้ศักยภาพของพนักงานลดลง อาจเกิดการขาด ลา มาสายมากยิ่งขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพของที่ทำงานถดถอย การมีส่วนร่วมของคนในองค์กรก็ลดลง ซึ่งนำไปสู่ผลกระทบอีกหลากหลายอย่าง 

 

ดังนั้น ภาวะเบิร์นเอาต์จึงไม่สามารถแก้ปัญหาได้จากบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่เป็นการร่วมมือกันสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ส่งเสริมให้คนทำงานได้รับความสุข โดยอาจลองปรับใช้แนวคิด Happy Workplace หรือ องค์กรแห่งความสุข ซึ่งจะช่วยให้คนทำงานรู้สึกดีกับสถานที่ทำงาน ลดการทำงานผิดพลาด หรือการไม่มีส่วนร่วมในการทำงาน และส่งผลให้ทำงานได้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้นด้วยความรู้สึกพึงพอใจ ไม่กดดัน 

 

ความสุขพื้นฐานแปดประการ (Happy 8)

การสร้าง Happy Workplace หรือองค์กรแห่งความสุข อาจลองสำรวจความสุขพื้นฐานแปดประการที่คนทำงานต้องการ เพื่อทำความเข้าใจและปรับเปลี่ยนนโยบายหรือสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับองค์กรต่อไป

 

ความสุขพื้นฐานแปดประการ ได้แก่


1. Happy Body (สุขภาพดี) การมีสุขภาพดีทั้งทางกายและทางใจจะช่วยลดความกังวล และทำให้คนทำงานมีประสิทธิภาพในการทำงานอย่างเต็ม 


2. Happy Heart (น้ำใจงาม) ความมีน้ำใจหรือการใจดีต่อคนรอบข้างจะช่วยให้เกิดปฏิสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงาน และได้รับความสุขทั้งผู้ให้และผู้รับ


3. Happy Relax (ผ่อนคลาย) เพราะการทำงานหนักเกินไปทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้าได้ง่าย เกิดความเครียดสะสม ความผ่อนคลายจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะทำให้เราได้ลองใช้ชีวิตในแง่มุมอื่น ๆ และเติมเต็มความสุข


4. Happy Brain (หาความรู้) ทุกการเรียนรู้ใหม่ ๆ นำไปสู่การเติบโตและภาคภูมิใจ การหาความรู้จึงช่วยเติมเต็มความสุขได้ และยังส่งผลให้การงานก้าวหน้า เสริมความมั่นคงให้ชีวิตไปพร้อม ๆ กัน


5. Happy Soul (ทางสงบ) การสร้างพื้นที่สงบนิ่งในใจช่วยทำให้ความรู้สึกของเรามั่นคงยิ่งขึ้น รับมือกับปัญหาได้ดี และไม่สั่นไหวกับเรื่องร้าย ๆ หรือความกังวล ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่จะช่วยให้ทำงานได้อย่างเป็นสุข 


6. Happy Family (ครอบครัวดี) การมีครอบครัวที่ดีส่งผลให้เราได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นกำลังใจให้กัน ส่งต่อความสุขให้กันและกัน และยังทำให้รู้สึกสบายใจกับการมีคนคอยซัพพอร์ต ไม่โดดเดี่ยว นำไปสู่ความมั่นคงทางจิตใจและเป็นสุขในใจ


7. Happy Money (ปลอดหนี้) เพราะเรื่องเงินเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตคนทำงานมากที่สุด การมีเงิน รู้จักเก็บ รู้จักใช้ ไม่มีหนี้ ก็จะทำให้ไม่มีความกังวล และทำให้เกิดความสบายใจ


8. Happy Society (สังคมดี) เพราะสภาพแวดล้อมส่งผลต่อจิตใจของมนุษย์ การมีสังคมแวดล้อมที่ดี เข้าใจกันและกัน และพร้อมช่วยเหลือกันด้วยความจริงใจ ไม่ตัดสิน จะช่วยให้คนในสังคมรู้สึกเป็นสุขไปพร้อมกัน

 

สัญญาณบ่งบอกว่าองค์กรเป็น Happy Workplace

 

– คนทำงานมีส่วนร่วมกับองค์กรมากขึ้น คอยให้ความเห็น หรือแสดงไอเดียในการพัฒนาองค์กรให้เติบโต

 

– ทุกคนทำงานเพื่อเป้าหมายร่วมกัน มีความตั้งใจและมุ่งมั่นในการทำงานและคาดหวังผลลัพธ์ที่จะทำให้องค์กรได้เติบโตไปพร้อมกับคนทำงานหรือทีม

 

– งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากมีกำลังใจและมีความรู้สึกสนุกกับการทำงาน 

 

– คนทำงานอยู่กับบริษัทยาวนานขึ้น เพราะมองเห็นความสำคัญขององค์กร และเกิดความรักในองค์กรที่ทำงานอยู่

 

 

ปัจจัยที่ทำให้เกิด Happy Workplace

 

– งานที่ให้ Work-life Balance

 

– งานที่มีคุณค่าและมีความหมายต่อชีวิต

 

– การทำให้คนทำงานมีตัวตนในออฟฟิศ

 

– บรรยากาศการทำงานในทีมที่ดี

 

– การแสดงความชื่นชมกันและกันอย่างจริงใจ

 

– การสร้างเส้นทางการเติบโตในองค์กรอย่างชัดเจน

 

สวัสดิการที่เหมาะสมกับการทำงาน

 

10 เทคนิคสร้าง Happy Workplace ให้เป็นจริง

 

1. ให้รางวัลกับพนักงานที่ทำงานหนัก

 

2. จัดโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพกายและใจ เช่น SAKID

 

3. ส่งเสริมวัฒนธรรมการชื่นชมผลงานและการทำงาน

 

4. จัดเวิร์กชอป Team Building

 

5. เปิดให้มีการสื่อสารแลกเปลี่ยนความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีลำดับขั้นเจ้านายหรือลูกน้อง

 

6. มีระบบการทำงานที่ยืดหยุ่น กำหนดช่วงเวลาทำงานให้มีการพักเบรกที่เหมาะสม

 

7. ชวนกันทำปฏิทินความสุข

 

8. เปิดเพลงคลอเบา ๆ เหมือนนั่งทำงานในคาเฟ่

 

9. เปิดโอกาสให้พนักงานได้เข้าเวิร์กช็อปหรือเรียนรู้ตามความสนใจ

 

10. ออกแบบสวัสดิการที่ดีให้กับพนักงาน

 

สรุป

 

เพราะการทำงานอย่างไม่มีความสุขย่อมส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ทั้งต่อคนทำงานเอง และต่อองค์กร การสร้างองค์กรแห่งความสุข (Happy Workplace) จึงเป็นอีกแนวคิดหนึ่งที่เป็นเทรนด์สำคัญในยุคสมัยนี้ โดยความสุขในการทำงานสามารถแบ่งได้เป็นหลากหลายด้าน ซึ่งองค์สามารถชักชวนคนในองค์กรให้มาร่วมออกแบบองค์กรแห่งความสุข (Happy Workplace) ของตัวเองได้

 

มากไปกว่านั้นปัจจุบันยังมีตัวช่วยให้คนทำงานเข้าถึงความสุขได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เช่นหากต้องการเข้าถึง Happy Body ตามความสุขพื้นฐาน 8 ประการ ก็มีแพลตฟอร์มจาก SAKID  ที่ช่วยออกแบบโปรแกรมดูแลสุขภาพทั้งองค์กรได้ 

 

ตัวอย่างฟีเจอร์น่าสนใจเช่น การบันทึกกิจกรรมประจำวันบนปฎิทินความสุข การรายงานผลสุขภาพรายบุคคล นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์สุขภาพ การกินอาหาร การออกกำลังกายและความสุขส่วนบุคคล พร้อมโค้ชในการดูแล ซึ่งจะทำให้คนทำงานมีความสุขกับสุขภาพกายและใจที่ดีได้เช่นกัน

 

มาร่วมทำให้ความสุขเติบโตในองค์กรไปด้วยกันนะ

 

บทความที่น่าสนใจ

HAPPY FIT-SAKID

WORKSHOP HAPPY FIT กินอยู่อย่างไร ร่างกายฟิต สุขภาพดี

กิจกรรม HAPPY FIT กินอยู่อย่างไร ร่างกายฟิต สุขภาพดี

วันที่ 22 สิงหาคม  2567 SAKID  ได้จัดกิจกรรม HAPPY FIT กินอยู่อย่างไร ร่างกายฟิต สุขภาพดี กับ SAKID ที่บริษัท ทาทาสตีล จำกัด โดยจะมีกิจกรรมการวัดองค์ประกิบร่างกายเพื่อดูสุขภาพโดยรวมของพนักงาน และกิจกรรมWorkshop เกี่ยวกับการเลือกอาหารในชีวิตประจำวันโดยที่พนักงานออฟฟิศสามารถนำไปใช้ได้ การเลือกกินแบบ 2-1-1 เน้นโปรตีนและผัก คาร์โบไฮเดรตในสัดส่วนที่ถูกต้อง เพื่อรักษาการกินที่สมดุลเหมาะกับสภาวะร่างกายของแต่คนให้ร่างกายไม่เจ็บป่วยสร้างสุขภาพดีได้

อ่านต่อ »
Sakid thumbnail -carbon credit

Carbon Credit Claim การเคลมเครดิตคาร์บอน สำหรับองค์กร

การเคลมเครดิตคาร์บอน (Carbon Credit Claim) คือ กระบวนการที่ผู้ประกอบการหรือองค์กรต่าง ๆ ทำเพื่อขอรับเครดิตคาร์บอนจากกิจกรรมหรือโครงการที่มีผลในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) หรือสารเคมีเกี่ยวข้องอื่น ๆ จากสภาพแวดล้อม เพื่อขายเครดิตให้กับผู้อื่นที่ต้องการใช้เครดิตคาร์บอนเหล่านั้นเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนเอง หรือเพื่อการธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

อ่านต่อ »
Sakid thumbnail -team

12 กิจกรรม สร้างทีมเวิร์คที่ออฟฟิศ

คุณเคยรู้สึกว่าบรรยากาศในที่ทำงานห่างเหิน ขาดพลังของการร่วมมือร่วมใจกันหรือไม่? ในโลกธุรกิจยุคใหม่ที่มีการแข่งขันสูง การสร้างทีมงานที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพจึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จขององค์กร กิจกรรม Team Building คือเครื่องมือที่จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ความไว้วางใจ ความร่วมมือ และการทำงานเป็นทีมอย่างราบรื่น

อ่านต่อ »
Health activity-SAKID

Health Activity จัดแบบไหนได้บ้าง?

ในช่วงต้นปีแบบนี้ หลายบริษัทอาจกำลังมองหากิจกรรมที่ทำร่วมกับพนักงาน ซึ่งกิจกรรมก็เป็นได้หลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ขององค์กร หรือความต้องการพนักงาน ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์ในองค์กร กิจกรรม CSR เพื่อสังคม กิจกรรมด้านอบรมเพิ่มศักยภาพพนักงาน หรือแม้แต่กิจกรรมที่ช่วยดูแลสุขภาพ หรือ happy workplace ให้แก่พนักงาน ซึ่งขอแนะนำตัวอย่างการจัดกิจกรรมด้าน Health ไว้เป็นไอเดียไปจัดกิจกรรม

อ่านต่อ »
work life balance คือ

Work Life Balance คืออะไร ทำไมจึงสำคัญกับการทำงานยุคใหม่

Work Life Balance ไม่ใช่แค่ปัญหาของคนทำงานเท่านั้น เพราะบริษัทเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แล้วบริษัทจะจัดการปัญหานี้อย่างไร? เข้าใจผลกระทบพร้อมไอเดียแก้ปัญหา ที่นี่

อ่านต่อ »
well-being ไม่ใช่ดูแลพนักงาน

Well-being ไม่ใช่แค่ดูแลพนักงาน แต่ขอรับรองมาตรฐานได้ด้วย

ในปัจจุบันองค์กรต่าง ๆ ให้ความสำคัญการดูแลด้าน Well-being หรือสุขภาวะที่ดีของพนักงาน เพราะเล็งเห็นว่าพนักงานเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดขององค์กร ในการดำเนินกิจกรรมให้เป็นไปตามเป้าหมายขององค์กร หากพนักงานมีความสุขก็จะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน และมีความผูกพันต่อองค์กร แต่ทราบหรือไม่ว่านอกจากนี้ยังสามารถขอรับรองมาตรฐานที่เกี่ยวข้องได้หลายมาตรฐาน ซึ่งทำให้มั่นใจว่ากิจกรรมด้าน Well-being ที่จัดให้พนักงานมีความครบถ้วนหรือไม่ เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด และหากองค์กรได้รับรางวัลมาตรฐานเหล่านี้ ยังเป็นการสร้างชื่อเสียงให้แก่องค์กร สร้างภาพลักษณ์ต่อผู้เกี่ยวข้องทั้งพนักงาน ลูกค้า และบุคคลภายนอกในการเป็นองค์ที่มีความใส่ใจพนักงาน

อ่านต่อ »