
ประเมินผลการทำงานอย่างไร ไม่ให้ลำบากใจ
- 27/09/23
ประเมินผลการทำงานอย่างไร ไม่ให้ลำบากใจ
เมื่อฤดูประเมินมาถึง…บอสหลายคนอาจรู้สึกว่าการต้องวิจารณ์หรือพูดถึงข้อดีข้อเสียต่อหน้าคนๆ นั้นตรงๆ…เป็นเรื่องน่าอึดอัด ส่วนในมุมมองของตัวผู้ถูกประเมินเอง เมื่อต้องมาฟังข้อเสียหรือเรื่องแย่ๆ ของตน…บางคนก็รู้สึกมีอารมณ์ ไม่ว่าจะผิดหวัง เศร้าเสียใจ หรือโกรธ นั่นทำให้พวกเขาพูดจาหรือแสดงท่าทีปกป้องตนเองในแบบต่างๆ แถมไม่ใช่แค่ตอนพูดคุยประเมินกันเท่านั้น หลังจากนั้นบางคนยังอาจแสดงความไม่พอใจหรือต่อต้านองค์กร ตั้งแต่มาทำงานสาย หยุดงาน จนไปถึงแสดงความก้าวร้าว พลอยทำให้องค์กรและผู้ร่วมงานอึดอัดและเสียหายไปด้วย…เป็นเรื่องน่าลำบากใจใช่ไหม
ใคร ๆ ก็อยากเป็นคนที่ถูกรัก
เวอร์จิเนีย ซาเทียร์นักจิตบำบัดได้เขียนไว้ว่า ‘Anyone who is loved, is open to change. – ใครที่รู้สึกว่าถูกรัก ย่อมยอมที่จะเปลี่ยนแปลง’ อย่างนั้นทำไมเราไม่ทำการประเมินให้เป็นการพูดคุยที่องค์กรจะสื่อถึงความใส่ใจ ความเชื่อใจ และความเคารพในตัวพนักงานล่ะ ทำให้เขารู้สึกเป็นส่วนสำคัญขององค์กร ฟังดูง่าย แต่จะเริ่มอย่างไรดี
Feedback อย่างไร ให้ได้ผล
รูปแบบการประเมินที่ยุติธรรมเน้นเป้าหมายและความรับผิดชอบของบทบาทหน้าที่พนักงานเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการสื่อสาร เพราะเป็นบรรทัดฐานที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้ว่าจะไปทางไหน จากนั้นทำให้การประเมินไม่ใช่เรื่องของการตัดสินหรือพิพากษา แต่เป็นขบวนการที่เปิดโอกาสให้ทั้งพนักงานและองค์กรพูดคุยกันเพื่อหาทางร่วมกันในการพัฒนาทั้งตัวพนักงานและองค์กรไปในทางที่ดีขึ้น โดยแนวทางการประเมิน มีดังนี้
1.จัดให้มีการประเมินกันทุกเดือน ทุกสองเดือน หรือทุกสามเดือน (แล้วแต่ขนาดและความสะดวกขององค์กร) เพื่อให้ทั้งฝ่ายองค์กรและพนักงานได้เห็นและแสดงความคิดเห็นเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายจะได้ทราบสถานะอยู่เสมอ
2.ควรจัดบรรยากาศองค์กรให้แต่ละฝ่ายสามารถพูดถึงผลงานของผู้อื่นอย่างชื่นชม และแสดงความเห็นอกเห็นใจฝ่ายต่างๆ ที่ต้องทำงานล่วงเวลาหรือเสียสละในทางใดทางหนึ่ง การสร้างบรรยากาศนี้อาจง่ายขึ้นหากมาจากผู้บริหารในองค์กรหรือฝ่ายบุคคลเป็นผู้เริ่ม อาจเป็นการส่งจดหมายเวียน อีเมล์หรือมีบอร์ดแสดงความชื่นชมในผลงานหรือความเสียสละของพนักงาน
3.การประเมินนั้นอาจมีการสลับให้พนักงานประเมินตนเองด้วย หรือในองค์กรที่มีวุฒิภาวะสูง เป็นไปได้มากที่จะให้พนักงานเป็นฝ่ายประเมินตนเอง เพื่อให้เขาตระหนักรู้ว่าเขาได้ไปในทิศทางเดียวกันกับองค์กรหรือยัง และมีจุดไหนที่เขาสามารถพัฒนาต่อไปได้อีกหรือจุดไหนที่เขาต้องการความช่วยเหลือ จากนั้นองค์กรก็มีหน้าที่สนับสนุนในด้านต่างๆ เพื่อช่วยในการพัฒนาของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการฝึกอบรมเพิ่มเติม การมอบหมายงานที่ท้าทายความสามารถและให้โอกาสกับบุคลากรของตนในด้านต่างๆ
การสร้างบรรยากาศในการเปิดใจก็สำคัญ
การพูดจาในระหว่างประเมินจึงเป็นเรื่องสำคัญ และทั้งสองต้องเข้าใจว่าไม่ควรนำเรื่องที่พูดคุยกันส่วนตัวนี้ไปเปิดเผย ผู้ประเมินจะต้องสื่อถึงความใส่ใจและเชื่อใจในตัวพนักงาน อาจเริ่มต้นด้วยการกล่าวขอบคุณความพยายามต่างๆ ของผู้ถูกประเมินในงานที่เขาทำอยู่ ในการประเมินผู้ประเมินควรเป็นผู้ฟังมากกว่าผู้พูด เข้าใจที่จะถามคำถามเพื่อให้อีกฝ่ายบอกเล่าเรื่องราวและความรู้สึก และคอยจับประเด็นเพื่อสะท้อนหรือสรุปความรู้สึกนึกคิดของผู้ถูกประเมินเพื่อให้เขารู้สึกว่าผู้ประเมินฟังและจดจำเรื่องราวของเขาอยู่ สุดท้ายร่วมกับผู้ถูกประเมินมองหาหนทางที่จะพัฒนาตนเองเพื่อโอกาสของตัวเขาเอง
เราจำเป็นต้องพัฒนาการประเมินให้เป็นขบวนการที่สร้างสรรค์ เป็นพื้นที่ที่องค์กรจะได้ชื่นชมพนักงานและขอบคุณสำหรับการทำงานให้อย่างต่อเนื่อง ใช้การพูดคุยที่เป็นส่วนตัวนี้ให้พนักงานได้บอกเล่าสิ่งที่เขายังอยากจะทำหรือความคับข้องใจที่เกิดขึ้น ทำให้องค์กรสามารถเข้าไปสนับสนุนและช่วยเหลือได้ทันท่วงที ขบวนการที่ชัดเจนจะทำให้พนักงานเข้าใจความจริงใจและความใส่ใจขององค์กร จะนำมาซึ่งพัฒนาการที่ดีของทั้งตัวพนักงานเองและบริษัท หรือหากไม่รู้จะเริ่มสร้างบรรยากาศ positive feedback อย่างไร ก็ให้ Sakid ช่วยจัดกิจกรรม workshop ได้ จากนักจิตวิทยาผู้มากประสบการณ์
บทความที่น่าสนใจ

ทำไมบริษัทควรมีโปรแกรมดูแลสุขภาพพนักงาน
โปรแกรมดูแลสุขภาพพนักงานทำให้คุณภาพชีวิตของพนักงานดียิ่งขึ้น
แก่นหลักของการจัดการโปรแกรมดูแลสุขภาพพนักงานของอีทเวลล์คอนเซปต์คือการเปลี่ยนแปลงให้เกิดพฤติกรรมรักษาสุขภาพ ด้วยการให้ความรู้ที่ถูกต้อง การส่งเสริมให้เกิดทักษะการใช้ชีวิต และ การกระตุ้นให้มีกำลังใจด้วยการสร้างสังคมในที่ทำงานให้เกิดความตระหนักถึงการดูแลด้านสุขภาพ ปัจจัยเหล่นี้เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบในระยะยาวต่อพฤติกรรมของพนักงาน

บูธประชาสัมพันธ์แอพสะกิด ที่การไฟฟ้านครหลวง เขตยานนาวา
กิจกรรม “Healthy Workshop”
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2566 Sakid ได้ออกบูธประชาสัมพันธ์แอพสะกิดให้กับการไฟฟ้านครหลวง เขตยานนาวา ในกิจกรรม Fun for Fit เพื่อแนะนำการเข้าร่วมโครงการ “MEA เบิร์นเกินร้อย” เปิดศึกการแข่งกันระหว่างทีมเพิ่มการเผาผลาญแคลอรี ด้วยการส่งภารกิจสุขภาพผ่านแอพสะกิด ภายในงานได้รับความสนใจจากพนักงานเป็นจำนวนมาก

10 โรคจากการทำงาน ที่ HR สามารถช่วยป้องกันได้
เพราะพนักงงานคือคนสำคัญที่องค์กรต้องคอยดูแลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ชวนไปดู 10 โรคที่เกิดจากการทำงาน และวิธีการที่แต่ละองค์กรสามารถป้องกันโรคภัยให้กับพนักงานได้

WORKSHOP Happy Heart
กิจกรรม “กินอยู่อย่างไร ให้ห่างไกลโรคหัวใจ”
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2565 SAKID ได้จัดกิจกรรม Workshop Online “กินอยู่อย่างไร ให้ห่างไกลโรคหัวใจ” ให้กับบริษัทTACC โดยนักกำหนดอาหารจะพาสำรวจตัวเองและความเข้าใจเกี่ยวกับโรคหัวใจ และการปรับพฤติกรรมการเลือกอาหารให้สอดคล้องกับโรคหัวใจ

แข่งขันลดน้ำหนักด้วย SAKID กับโครงการ MEA Fatty Model
จบไปแล้วสำหรับกิจกรรม MEA Fatty Model ที่แข่งขันลดน้ำหนักกับ SAKID application ตลอดระยะเวลา เม.ย. – ส.ค. 67 โดยคัดเลือกจากผู้ที่มีความเสี่ยงสูงคือดัชนีมวลกาย ≥25 kg/m2 มีการออกแบบภารกิจสุขภาพทั้งลดไขมัน เพิ่มผักใย และออกกำลังกายให้เหมาะสม พร้อมด้วยโค้ชนักกำหนดอาหารวิชาชีพดูแลเป็นรายบุคคลในการปรับการกิน จนทำให้การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก มวลไขมัน และไขมันในช่องท้องลดลง เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน

จัดประชุมอย่างไรให้ดีต่อกายใจ
การนั่งประชุมต่อเนื่องเป็นเวลานานถือเป็นพฤติกรรมเนือยนิ่ง ส่งเสริมให้เกิดโรค NCDs การสร้างวัฒนธรรมการประชุมที่มีองค์ประกอบการประชุมที่่ส่งเสริมสุขภาพย่อมมีส่วนส่งเสริมวิถีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพในสถานที่ทำงาน ช่วยให้คนวัยทำงานมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี อีกทั้งยังได้ผลลัพธ์การประชุมที่มีประสิทธิภาพ