
Workation คืออะไร จะเลือกที่เที่ยวพร้อมกับทำงานอย่างไรดี
- 16/01/23
การทำงานในทุกวันนี้ ไม่จำเป็นจะต้องเข้าออฟฟิศเพียงเท่านั้น แต่เรายังสามารถออกแบบรูปแบบการทำงานที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ได้มากขึ้น ซึ่งไม่นานมานี้ รูปแบบการทำงานอย่างที่เรียกว่า “Workation” หรือ แนวคิดการทำงานแบบ “เที่ยวได้ ทำงานด้วย” ถือว่าเป็นเทรนด์การทำงานที่มาแรงสุด ๆ โดยเฉพาะหลังจากที่โลกผ่านวิกฤตโควิด-19 มา
ความจำเป็นที่ต้อง Work From Home ในช่วงล็อกดาวน์ ทำให้คนทำงานในหลาย ๆ อาชีพ โดยเฉพาะเหล่าพนักงานออฟฟิศเริ่มคุ้นเคยกับระบบการทำงานทางไกลและจากที่ใดก็ได้ และหลาย ๆ บริษัทเองก็เริ่มนำแนวคิด “Workation” มาใช้ในองค์กรเพื่อเปิดโอกาสให้พนักงานได้สร้างสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิต ให้พวกเขาได้ออกแบบไลฟ์สไตล์และเลือกสถานที่ทำงานด้วยตัวเอง
ชวนมาทำความเข้าใจแนวคิดการทำงานในรูปแบบ Workation พร้อมกับแนะนำแนวทางในการเริ่มต้น Workation สำหรับคนทำงานและองค์กรที่อยากลองใช้แนวคิดนี้กัน
Workation คือ
Workation มาจากคำสองคำ ได้แก่ “Work” + “Vacation” หมายถึง การทำงานไปด้วยและหยุดพักผ่อนไปด้วยในเวลาเดียวกัน รูปแบบการทำงานภายใต้แนวคิดแบบนี้ ไม่จำเป็นว่าพนักงานหรือคนทำงานต้องนั่งทำงานในออฟฟิศหรือสถานที่ทำงานที่กำหนดไว้เท่านั้น พวกเขาสามารถทำงานจากที่ไหนของมุมโลกก็ได้
Workation จะเป็นการทำงานนอกออฟฟิศหรือสถานที่ทำงาน เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานที่ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากกว่า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพ (Efficiency & Productivity) การทำงาน เพราะคนทำงานสามารถเลือกอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่แปลกใหม่ได้ตลอด
ทั้งนี้ การทำงานแบบ Workation จะแตกต่างจากการทำงานผ่านระบบออนไลน์หรือการ WFH ธรรมดาเพราะจะมุ่งหาความรื่นรมย์ในการใช้ชีวิตแบบการท่องเที่ยวมากกว่า อาจหมายถึงการออกเดินทางไปพักและทำงานในสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ ที่ได้เปิดหูเปิดตา เช่น ทะเล ภูเขา เมืองท่องเที่ยวต่าง ๆ ฯลฯ และด้วยรูปแบบการทำงานนี้ ยังทำให้เกิดกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า “Digital Nomad” หรือคนทำงานที่อพยพใช้ชีวิตตามที่ต่าง ๆ ไม่ยึดติดกับพื้นที่ โดยทำงานผ่านอินเทอร์เน็ตและแพลตฟอร์มดิจิทัล
ทำไมเทรนด์ Workation ถึงมาแรงในปัจจุบัน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า Workation ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากวัฒนธรรมการทำงานที่เปลี่ยนไปตั้งแต่ช่วงวิกฤตการณ์โควิด-19 ที่มีมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้คนทำงานจำเป็นต้อง Work From Home และเริ่มคุ้นเคยกับวิถีการทำงานนอกออฟฟิศและรูปแบบการทำงานที่มีความยืดหยุ่น
สถานการณ์ล็อกดาวน์ปิดประเทศ ทำให้คนทำงานต้องการการพักผ่อนและออกเดินทาง ซึ่งสอดคล้องไปกับเทรนด์ความต้องการทำงานในรูปแบบ Workation มีข้อมูลที่น่าสนใจจากเว็บไซต์ Booking.com ที่สำรวจความคิดเห็นผู้คนกว่า 20,000 คน จาก 28 ประเทศ เมื่อปี 2021 ได้แก่
– มีคนไทยถึง 6 ใน 10 ที่สนใจการท่องเที่ยวไป ทำงานไป หรือ “Workation”
– 69% พร้อมเดินทางไปต่างประเทศทันทีเมื่อเปิดพรมแดนประเทศ
– การทำงานทางไกล (Remote Working) จะกลายเป็นเทรนด์การทำงานที่จะมาแรง
ขอบคุณข้อมูลจาก BLT Bangkok
ในปี 2022 เราจึงเริ่มเห็นและคุ้นเคยกับคนที่ทำงานทางไกล ทำงานจากที่บ้าน หรือทำงานแบบ Workation ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ มากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีวิจัยว่า การทำงานในรูปแบบนี้ ให้ประสิทธิภาพมากกว่า การทำงานในสภาพแวดล้อมเดิม ๆ หรือการเข้าไปทำงานที่ออฟฟิศหรือสถานที่ทำงานหลักเท่านั้น โดย the Centre for Economics and Business Research (CEBR) ได้ทำสำรวจเกี่ยวกับการทำงานในรูปแบบทางไกลหรือ Remote Working ได้ข้อสรุปว่า การทำงานจากที่ใดก็ได้ (Work From Anywhere) ช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานของคนทำงานดีขึ้น
– 70% บอกว่า การทำงานจากที่ใดก็ได้ช่วยลดความเครียดและความกังวลเกี่ยวกับการหยุดงาน
– 74% เชื่อว่าการทำงานรูปแบบทางไกลช่วยเพิ่มสมดุลการใช้ชีวิตหรือ Work-life Balance
– 66% บอกว่า มีสมาธิในการทำงานมากขึ้น
ในวิจัยสำรวจชุดเดียวกัน สอบถามเพิ่มเติมถึงความต้องการของผู้ตอบแบบสำรวจ ก็พบเทรนด์ที่น่าสนใจว่า 90% ของคนทำงาน (อายุ 16 – 55 ปี) ต้องการการทำงานจากที่ไหนก็ได้ และอีกกว่า 69% ของกลุ่มสำรวจที่ไม่ได้ทำงาน ก็คิดเห็นและต้องการการทำงานจากที่ใดก็ได้เช่นเดียวกัน
รูปแบบการทำงานแบบ Remote Working หรือ Workation จึงเป็นเทรนด์การทำงานที่องค์กรและบริษัทไม่ควรมองข้ามให้ความสนใจ
ข้อดี-ข้อเสียสำหรับการ Workation
เทรนด์การทำงานแบบเที่ยวไป ทำงานไป ก็ดูจะมีข้อดีมากมาย ที่สามารถตอบโจทย์คนทำงานรุ่นใหม่ได้ แต่เรามาดูข้อดี-ข้อเสีย ให้รอบด้านมากขึ้นอีกนิดเพื่อเข้าใจรูปแบบการทำงานแบบนี้มากขึ้น
ข้อดีของ Workation
– พนักงานได้ทำงานไปพร้อมกับการใช้ท่องเที่ยว ใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการ
– พนักงานสามารถจัดสรรเวลาการทำงานของตัวเองได้อย่างอิสระ
– ลดสภาวะการเครียดและความกังวลจากการทำงาน
– คนทำงานได้เห็นมุมมองใหม่ ๆ ในการทำงาน ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์
– องค์การสามารถจัด Workation ให้ทีมไปทำงานด้วยกัน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในทีมได้
– ช่วยสร้างแรงบันดาลใจและเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้คนทำงาน
– ช่วยเป็นโอกาสให้คนทำงานได้ทำความรู้จักคนใหม่ ๆ หรือ Networking กับกลุ่มคนที่ Workation เหมือนกัน
ข้อเสียของ Workation
– พนักงานที่ Workation มีค่าใช้จ่ายสูง ทั้งค่าที่พักและค่าเดินทาง
– สถานที่ Workation อาจไม่เหมาะกับการทำงาน ส่งผลให้ประสิทธิภาพและผลิตภาพ (Productivity) การทำงานลดลง
– หากบริษัทไม่วางระบบหรือนโยบายการทำงานที่ดี อาจเกิดปัญหาการทำงาน การสื่อสาร และการร่วมงานกันในองค์กร
อยากจัด Workation ในองค์กร จะเตรียมตัวอย่างไร
สำหรับองค์กรหรือบริษัทที่เห็นความสำคัญของ Workation หรือต้องการทดลอง ก็มีคำแนะนำสำหรับการวางรูปแบบการทำงานแบบใหม่ ดังนี้
นโยบายการทำงานทางไกล
วางระบบการทำงานทางไกลให้ชัดเจน ซึ่งในหลาย ๆ องค์กรที่เคยปรับรูปแบบการทำงานเป็น Work From Home มาแล้ว อาจนำข้อตกลงหรือแนวปฏิบัติในตอนนั้นมาใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็น
– วางระบบการทำงานที่แน่นอน งานทุกชิ้นควรมีแผนงานที่ชัดเจน พร้อมกับแนวทางในการกระจายภาระงาน
– การกำหนดเวลาทำงาน การนัดหมาย การประชุม
– กำหนดวิธีการและแนวทางปฏิบัติในการติดตามงาน ส่งงาน รีวิวงาน ลำดับขั้นในการตรวจอนุมัติ
– ประเมินประสิทธิภาพการทำงานจากผลลัพธ์มากกว่าระยะเวลาการเข้า/ทำงาน (Performance-based Assessment)
Vacation vs Workation
เมื่อการทำงานมาอยู่ในรูปแบบ Workation แล้ว แน่นอนว่า สำหรับการทำงานในองค์กรหรือบริษัท ต้องเกิดความสับสนระหว่าง “Vacation” (วันลาหยุดพักผ่อน) กับ Workation
เป็นเรื่องที่องค์กรและพนักงานควรจะต้องตกลงให้เข้าใจตรงกันว่า เมื่อทำงานแบบ Workation สวัสดิการวันหยุดลาพักผ่อนจะต้องเป็นอย่างไร เพราะทั้งสองอย่างนี้ ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน Workation ที่เพิ่มเข้ามา บริษัทจะลดวันหยุดพักผ่อนหรือไม่ เป็นอีกประเด็นสำคัญที่ต้องสร้างความเข้าใจ เพื่อเลี่ยงความสับสน
การกำหนดเป้าหมายและแผนงาน
การทำงานในรูปแบบ Workation ส่วนใหญ่แล้ว แต่ละคนจะทำงานกันจากคนละสถานที่ จึงไม่สามารถหันหรือเดินไปพูดคุยสื่อสารกันได้โดยตรง การกำหนดเป้าหมาย แผนงาน และการมอบหมายงานพร้อมความคาดหวังที่ชัดเจนจะช่วยให้คนทำงานแต่ละคน เข้าใจหน้าที่ และทำงานได้ตรงกับความคาดหวังของบริษัทได้
เครื่องมือหรือเทคโนโลยีที่จะใช้
เครื่องมือ อุปกรณ์ หรือแพลตฟอร์มที่ใช้ในการทำงานมีความสำคัญขึ้นมาก เมื่อ Workation เพราะคนทำงานทำงานจากคนละที่ เครื่องมืออย่าง Communication Tools และ Collaboration Tools เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องตกลงว่า จะใช้อะไรในการสื่อสารและจัดการงาน ซึ่งในปัจจุบันก็มีโปรแกรม/ซอฟต์แวร์สำหรับการทำงานทางไกลและ WFH มากมาย เช่น Asana, Trello, Google Sheet, Zoom, Microsoft Team ฯลฯ
สวัสดิการพนักงานระหว่าง Workation
แม้ว่า Workation คนทำงานจะไม่ต้องเข้าออฟฟิศ พวกเขาก็ยังสมควรได้รับการดูแลและสวัสดิการพื้นฐานต่าง ๆ จากบริษัทอยู่ เช่น วันลาหยุดพักผ่อน วันลาป่วย สิทธิประกันสังคม ประกันสุขภาพ และสวัสดิการอื่น ๆ ที่สนับสนุนให้การใช้ชีวิตและการทำงานของพวกเขาราบรื่นขึ้น
นอกจากนี้ แม้จะ Workation 100% เรื่องของ ‘สวัสดิการ’ ก็ยังเป็นสิ่งที่พนักงานมองหา
สวัสดิการที่ช่วยส่งเสริมให้พวกเขาเรียนรู้และพัฒนาทักษะ สวัสดิการที่ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการเดินทางและการทำงาน เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าอินเทอร์เน็ต ฯลฯ และสวัสดิการสุขภาพที่ช่วยส่งเสริมให้คนทำงานมีสุขภาพที่ดี
สำหรับบริษัทที่มีมาตรการ Work From Home, Remote Working หรือ Workation อยู่ บริการและแอปพลิเคชันอย่าง SAKID ถือเป็นสวัสดิการด้านสุขภาพที่บริษัทสามารถใช้ดูแลพนักงานได้ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ใกล้ ด้วยฟีเจอร์ที่คอย ‘สะกิด’ ให้พนักงานดูแลตัวเอง ใส่ใจการออกกำลังกายและการบริโภคมากขึ้น รวมไปถึงสวัสดิการที่คนรุ่นใหม่มองหา คือ การที่มีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำทั้งนักควบคุมอาหาร นักวิทยาศาสตร์การกีฬา และนักจิตวิทยาให้พวกเขาปรึกษาเรื่องต่าง ๆ ก็รวมอยู่ใน SAKID แอปเดียว
เลือกสถานที่ Workation แบบไหนดี ให้ได้ทั้งทำงานและท่องเที่ยว
สำหรับบริษัทไหนที่ตัดสินใจว่า อยากจะลองให้พนักงาน Workation กันดูบ้าง หรืออยากจะลองจัดทริปเที่ยวไปทำงานไปกันยกทีม เป็นอีกไอเดียสำหรับการคิดหรือเริ่มต้นทำโปรเจกต์ใหม่ ๆ มีคำแนะนำในการเลือกสถานที่ที่ทั้งทำงานและเที่ยวในเวลาเดียวกัน ดังนี้
– เลือกประเภทที่พักที่เหมาะกับการทำงาน เช่น หอพัก โรงแรม โฮสเตล ฯลฯ ต้องคำนึงว่า ถ้าเป็นกระท่อมขนาดกะทัดรัดจะมีพื้นที่ทำงานได้สะดวกหรือไม่ ถ้าเป็นโฮมสเตย์จะมีสมาธิหรือเปล่า สถานที่ทำงานมีเสียงหรือสิ่งรบกวนระหว่างวันหรือไม่ พร้อมคำนึงถึงจำนวนสมาชิกในทีม
– เลือกพักในที่พักที่เป็น Workation-friendly แน่นอนว่า สถานที่ที่ไปพักจะต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานและมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการทำงานให้กับเรา เช่น มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง มีโต๊ะ/มุมสำหรับจัดโต๊ะทำงาน มีไฟฟ้าสำรอง ถ้ามีโปรเจกเตอร์นำเสนองานด้วยก็ยิ่งดี ส่วนเรื่องของบรรยากาศก็ต้องเงียบสงบ ใกล้แหล่งของกิน ทิวทัศน์สวยงาม
– เลือกที่พักที่คุ้นเคยหรือเคยไปมาแล้ว เพื่อให้มั่นใจว่าทำงานได้ ลดความกังวล และประหยัดพลังงานในการปรับตัวมากกับสถานที่ลง
ประเทศไทยเป็นอีกจุดหมายสำคัญของ Digital Nomad และคนที่ทำงานแบบ Workation ทั่วโลก โดยจังหวัดที่เป็นจุดหมายสำคัญส่วนใหญ่จะเป็นจังหวัดที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกและการคมนาคมดี รวมไปถึง มีสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อน ยกตัวอย่างเช่น
– เชียงใหม่ ที่มีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม คาเฟ่ สถานบันเทิง และมีการคมนาคมที่สะดวกสบาย ทั้งขนโดยสาร รถไฟ เครื่องบิน
– ภูเก็ต อีกจุดหมายของคนที่อยากทำงานและเที่ยวไปด้วย จังหวัดภูเก็ตมีทั้งที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมเฉพาะตัวที่โดดเด่น อีกทั้งเป็นจังหวัดที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เหมาะกับการทำงาน มีที่พักหลากสไตล์ให้เลือก
– พังงา จังหวัดทางใต้ที่อุดมไปด้วยธรรมชาติ ทั้งทะเล ภูเขา ป่า น้ำตก และหมู่เกาะที่สวยงามรายล้อม เป็นอีกทางเลือกสำหรับ Workation สำหรับสายลุย
– เกาะพงัน เกาะสมุย และเกาะเต่า จุดหมายสำหรับคนที่ชื่นชอบกิจกรรมทางน้ำและไลฟ์สไตล์บนชายหาด ทำงานริมทะเล พร้อมนั่งจิบเครื่องดื่ม ซึ่งทุกวันนี้ บนเกาะก็มีอินเทอร์เน็ตและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่ดึงดูดให้คนทำงานทั่วโลกเดินทางมา Workation กันบนเกาะเหล่านี้
สรุป
Workation เป็นรูปแบบการทำงานที่รวมการพักผ่อนและท่องเที่ยวเข้าไว้ด้วยกัน ตั้งแต่วิกฤติการณ์โควิด-19 เป็นต้นมา รูปแบบการทำงานแบบนี้ก็เป็นเทรนด์การทำงานที่คำทำงานให้ความสนใจเป็นอย่างมาก องค์กรหรือบริษัทจึงไม่ควรมองข้ามพิจารณาปรับตัวองค์กรให้สอดคล้อง
ในมุมขององค์กร แน่นอนว่า การนโยบาย Workation ยังเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและยังต้องหาวิธีการตกลงรูปแบบกับคนทำงานต่อไป หวังว่า บทความนี้จะช่วยให้องค์กรของคุณมีแนวทางในการวางแผน Workation ให้เกิดขึ้นจริงได้
บทความที่น่าสนใจ

HR tech Thailand 2022
กิจกรรมออกบูธ HR tech Thailand 2022
วันที่ 19-20 ตุลาคม 2565 SAKID ได้ออกบูธประชาสัมพันธ์แอพลิเคชั่น “สะกิด” ในงาน HR Tech เพื่อแนะนำให้รู้จักกับแอพว่าใช้ออกแบบกิจกรรมสุขภาพอย่างไร และเปิดให้ทดลองใช้ ฟรี 7 วัน เพื่อให้คนในองค์กรสามารถเล่นภารกิจสุขภาพดีได้ โดยมีโค้ชนักกำหนดอาหารคอยให้คำปรึกษาในแอพสะกิดตลอด 7วัน

WFH ในหน้าร้อนอย่างไร สบายกายและกระเป๋า
สภาวะฝุ่นPM 2.5 ซึ่งเป็นสถานการณ์วิกฤติมลพิษทางอากาศที่หลายพื้นที่ในประเทศไทยกำลังเผชิญมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ที่วัดค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (Air Quality Index : AQI) สูงถึง 372 ณ วันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2566 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับอันตรายมีผลกระทบต่อสุขภาพ จังหวัดเชียงใหม่จึงกลายเป็นเมืองที่มีอากาศแย่อันดับหนึ่งของโลก จนผู้ว่าฯต้องออกประกาศขอความร่วมมือทุกหน่วยงาน Work from Home

รวม 5 หลักการปรับ “ท่านั่งทํางานที่ถูกต้อง” ลดออฟฟิศซินโดรม
ท่านั่งทำงานที่ถูกต้อง ต้องนั่งยังไง? นั่งแบบไหนให้ไกลออฟฟิศซินโดรม? แนะนำ 5 หลักการที่ต้องปรับท่านั่งทำงานที่ถูกต้อง พร้อมวิธีเลือกเก้าอี้และโต๊ะถูกหลัก Ergonomics

บูธประชาสัมพันธ์แอพสะกิด ที่การไฟฟ้านครหลวง เขตคลองเตย
กิจกรรม “Healthy Workshop”
เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 Sakid ได้ออกบูธประชาสัมพันธ์แอพสะกิดให้กับการไฟฟ้านครหลวง เขตคลองเตย ในกิจกรรม Fun for Fit เพื่อแนะนำการเข้าร่วมโครงการ “MEA เบิร์นเกินร้อย” เปิดศึกการแข่งกันระหว่างทีมเพิ่มการเผาผลาญแคลอรี ด้วยการส่งภารกิจสุขภาพผ่านแอพสะกิด ภายในงานได้รับความสนใจจากพนักงานเป็นจำนวนมาก

WORKSHOP การทานอาหารอย่างเหมาะสมสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันในเลือด
กิจกรรม “การทานอาหารอย่างเหมาะสมสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันในเลือด”
เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2566 SAKID ได้จัดกิจกรรม Workshop “การทานอาหารอย่างเหมาะสมสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันในเลือด” โดยนักกำหนดอาหารที่ให้ความรู้และความเข้าใจเรื่องอาหารที่ควรกินและไม่ควรกิน การเลือกอาหารและปรับพฤติกรรมการกินให้เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันในเลือด

WORKSHOP ONLINE กินเป็นลืมป่วย กับ นักกำหนดอาหาร
กิจกรรม “กินเป็นลืมป่วย”
เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2566 SAKID ได้จัดกิจกรรม Workshop online “กินเป็นลืมป่วย” ให้กับบริษัทเอสพี อินเตอร์แมค โดยนักกำหนดอาหารวิชาชีพได้ให้ความรู้เรื่องการจัดเก็บอาหารและของสด การเลือกอาหารที่เสริมสร้างสุขภาพ ไม่ให้เจ็บป่วย