Sakid head-officesyndrome
URL Copied!

ทำอย่างไร เมื่อคนในองค์กรเป็น Office syndrome

            คุณเป็นอีกคนหนึ่งหรือเปล่าที่ตอนนี้กำลังมีอาการปวดหลัง ปวดคอ ปวดบ่า ปวดหัว นั่งทำงานสักพักก็รู้สึกตึงเมื่อย หากคุณคิดว่า นี่ไม่ใช่เพราะอายุเพียงอย่างเดียว แต่กำลังบ่งบอกว่าคุณมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเป็น Office syndrome โรคยอดฮิตที่หลายคนรู้จักแต่คงไม่อยากที่จะสนิทสนม

 Office syndrome คืออะไร

 

            Office syndrome คือ กลุ่มอาการ ไม่ใช่โรค และไม่จำเป็นที่จะต้องเกิดขึ้นกับเฉพาะพนักงานออฟฟิศ แต่ Office syndrome คือกลุ่มอาการที่เกิดมาจากการใช้พฤติกรรมที่ทำซ้ำ ๆ ต่อเนื่อง ๆ นาน จนเกิดอาการบาดเจ็บขึ้นมา ลองจินตนาการดูว่า หากคุณต้องยืนทำงานเป็นระยะเวลานาน ๆ อาจจะแค่เพียง 30 นาที คุณก็จะเริ่มรู้สึกถึงอาการเมื่อยล้าที่เกิดขึ้นทั้งบริเวณน่อง ต้นขา สะโพก หลังส่วนหลัง ลามไปกล้ามเนื้อบ่าและคอ เป็นต้น พอเมื่อยล้านานวันเข้าเป็นอาการสะสม เกิดการอักเสบของกล้ามเนื้อที่ได้รับการบาดเจ็บซ้ำ ๆ นอกจากนี้เรายังมีพฤติกรรมที่น่าเป็นห่วงคือ การเคลื่อนไหวร่างกายน้อย เรานั่งทำงานนาน ๆ ยืนนาน ๆ ทำอะไรนาน ๆ ไม่มีการเคลื่อนไหวที่ได้ใช้องศาของร่างกายอย่างเต็มที่ เลือดและลมปราณในร่างกายจึงเคลื่อนไหวได้ไม่ดี ในภาษาแพทย์แผนจีนมักจะเรียกว่า “ชี่อั้น” หรือ “ชี่ไม่เคลื่อนไหว“ และนี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาและอาจจะมีอาการชาร้าวร่วมได้ขึ้นอยู่กับความหนักของอาการบาดเจ็บ แต่ที่แน่ ๆ คุณคงไม่ได้รู้สึกสนุกและยินดีไปกับอาการการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นนี้

 

           จริง ๆ แล้วกล้ามเนื้อในร่างกาย เนื้อเยื่อ ทุกส่วนทำงานสัมพันธ์กัน รวมไปถึงจิตใจ หากคุณเข้าใจสิ่งนี้มันจะทำให้คุณเข้าใจสาเหตุการเจ็บป่วยและเข้าใจลักษณะนิสัยพฤติกรรมของตัวคุณเองว่า เพราะอะไรคุณถึงปล่อยให้ตัวเองทำงานอย่างบ้าระห่ำ จนลืมใส่ใจร่างกายของตัวเอง

 

SASKID-Officesyndrome-1

สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่า Office syndrome กำลังมาเยือน

 

1.อาการตึง หลายครั้งที่ผู้ป่วยมาหานักกายภาพบำบัดหรือแพทย์เพราะอาการปวดจนทนไม่ไหว เดินไม่ได้ นั่งไม่สะดวก และใช้เวลาและค่ารักษาจำนวนมากจนกว่าอาการจะดีขึ้น แต่คุณไม่จำเป็นที่จะต้องรอเพื่อไปถึงจุดนั้น เพียงแค่คุณกลับมาสัมผัสถึงตัวเอง มาเช็คความรู้สึกของร่างกายให้ได้ว่าตอนนี้คุณกำลังรู้สึกอะไร คุณจะเริ่มสนิทกับร่างกายคุณมากยิ่งขึ้น ไวต่ออาการเจ็บปวด ถ้าคุณเพียงแค่ตึงหลังโปรดรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณอาจจะนั่งนานเกินไป ยืนนานเกินไปกว่าร่างกายคุณจะรับไหว

 

2.คุณไม่สามารถรับรู้ได้ถึงลมหายใจของคุณ ลมหายใจเป็นจุดเชื่อมโยงร่างกายกับจิตใจ หากคุณหลงลืมลมหายใจของคุณในแต่ละขณะ นั่นหมายความว่าคุณกำลังดำดิ่งไปกับการทำงานหรือความคิด สิ่งนี้ทำให้คุณละเลยร่างกายตัวเอง เพราะคุณไม่ได้ยินเสียงตัวเอง กล้ามเนื้อจะเกร็งมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว เมื่อไหร่ที่เรารับรู้ลมหายใจของเราได้ นั่นหมายความว่าเรากำลังรู้สึกผ่อนคลาย และกำลังมาสู่สภาวะปกติ

 

3.ความเครียดตอนทำงาน ทุกครั้งที่คุณเครียดกล้ามเนื้อและลมหายใจของคุณจะสั้นและเกร็งต้าน คุณจะเผลอกัดฟันโดยไม่รู้ตัว คิ้วขมวด อาหารไม่ย่อย ถ้าคุณสามารถกลับมารับรู้อารมณ์ตัวเองได้บ่อย ๆ นั่นจะช่วยให้คุณกลับมาเตือนตัวเองได้และเข้าใจจิตใจตนเองด้วย

 

การรักษา Office syndrome ที่ควรรู้

 

1. ปวดตึงแต่ทนไหว ไม่รบกวนชีวิตประจำวันมากนัก รักษาได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิต หลีกเลี่ยงการนั่งนาน ยืนนาน การทำงานในท่าซ้ำ ๆ สลับเปลี่ยนอิริยาบถทุก 2 ชั่วโมง สูดหายใจเข้าออกลึก ๆ เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และหมั่นออกกำลังกายเพื่อให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแรงทนทานและมีความยืดหยุ่นเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ

 

2.เริ่มปวดหนักจนรบกวนชีวิตประจำวันทั้งการทำงานและการนอนหลับ ปัจจุบันมีทางเลือกมากมาย อาทิ การรักษาทางหัตถเวช กินยา ฉีดยา หรือผ่าตัด ฯลฯ และมีสหวิชาชีพที่สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยจาก Office syndrome ได้ อาทิ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ นักกายภาพบำบัด แพทย์แผนไทย แพทย์แผนจีน แพทย์ทางเลือกอื่น ๆ พลังงานบำบัด คลื่นเสียงบำบัด เป็นต้น

 

            นอกจากนี้การรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคนนั้นแตกต่างกัน ฉะนั้นคำแนะนำในการเลือกเข้ารับการรักษาจึงควรเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญในวิชาชีพที่สามารถช่วยวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงของอาการเจ็บป่วย ที่ทำให้คุณเข้าใจถึงสาเหตุการเกิดโรคและการดูแล และการปรับพฤติกรรมระยะยาวที่จะทำให้คุณห่างไกลจาก Office syndrome ได้อย่างแท้จริง

3 ท่าออกกำลังกายง่าย ๆ  ที่สามารถลดอาการบาดเจ็บ Office syndrome

 

3-ท่าออกกำลังกาย-SAKID

 

ท่าที่ 1 ท่าคลายกล้ามเนื้อคอบ่า: ยักไหล่ขึ้น 2 ข้างเกร็งค้างไว้ 10 วินาที ไม่กลั้นลมหายใจ จึงผ่อนลงทำซ้ำ 3 ครั้ง

 

ท่าที่ 2 ท่าเหยียดเส้นแขน: ยกมือขึ้นต้านฟ้า อีกมือหนึ่งกดต้านดิน เกร็งค้างไว้ 10 วินาที ไม่กลั้นลมหายใจ ทำสลับกันซ้ายขวา จึงผ่อนลงทำซ้ำ 3 ครั้ง

 

ท่าที่ 3 ท่าบิดหมุนกระดูกสันหลัง: มือจับเข่าด้านตรงข้ามบิดหมุนแกนสันหลังไปด้านตรงข้ามจับขอบเก้าอี้ไว้ สายตามองพาดไหล่ เกร็งค้างไว้ 10 วินาที ไม่กลั้นลมหายใจ ทำสลับกันซ้ายขวา จึงผ่อนลงทำซ้ำ 3 ครั้ง

องค์กรสามารถช่วยจัดการภาวะ Office syndrome ได้อย่างไร

 

            การสนับสนุนขององค์กรมีส่วนช่วยลดความเสี่ยง Office syndrome ของพนักงาน ซึ่งหากเกิดขึ้นแล้ว ทำให้พนักงานไม่สุขสบาย ปวดจนทำงานไม่ไหว ก็ย่อมส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน หรือเมื่อมีอาการมากจนต้องไปพบแพทย์ หรือกายภาพบำบัด ก็ทำให้เพิ่มค่าใช้จ่ายด้านรักษาพยาบาล ดังนั้นหากองค์กรมีแนวทางการสร้างเสริมสุขภาพ ก็จะช่วยให้องค์กรมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น

 

ให้ความรู้แนวทางการป้องกัน Office syndrome เช่น Workshop จากนักกายภาพบำบัด, ประชาสัมพันธ์ความรู้ในองค์กร

 

• มีแจ้งเตือนให้พนักงานลุกขึ้นขยับ หรือยืดเหยียด ในการทำงานระหว่างวัน

 

• สนับสนุนกิจกรรมให้พนักงานได้เคลื่อนไหว ไม่ทำท่าเดิมซ้ำ ๆ เช่น คลาสออกกำลังกาย แข่งขันก้าวเดิน

 

• จัดอุปกรณ์การทำงาน เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ให้มีความเหมาะสม ปรับท่านั่งให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ลดการทำงานของกล้ามเนื้อคอ บ่า และหลัง

 

        ภาวะ Office syndrome อาจจะดูเหมือนปัญหาเล็ก ๆ แต่ถ้าได้เกิดขึ้นแล้ว ยิ่งปล่อยไว้เรื้อรัง ก็กลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ ทั้งต้องทนกับความเจ็บปวด และต้องใช้เวลาฟื้นฟูนาน ดังนั้นเริ่มขยับ ป้องกันตั้งแต่วันนี้กันดีกว่า หรือเพิ่มการขยับด้วยแข่งขันก้าวเดิน SAKID application หรือ Workshop จากนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งช่วยประเมินการยศาสตร์เป็นรายบุคคลได้ วิเคราะห์ท่าทางวิธีการทำงานของผู้ปฏิบัติงาน ลักษณะและสภาพแวดล้อมในการทำงาน

 

เขียนโดย: กภ.มนัสวี ศุระศรางค์

 

บทความที่น่าสนใจ

สร้าง-empathic-leader-พนักงานดีใจ-SAKID

สร้าง empathic leader พนักงานดีใจ

คงได้ยินคำว่า Empathic Leader มากันบ้างแล้วใช่ไหมคะ  ผู้นำที่มีความเข้าอกเข้าใจเป็นอย่างไรกันนะ…ยอมรับฟังและเข้าใจลูกน้องอย่างไม่มีเงื่อนไข  ไม่คิดตัดสินลูกน้อง  วางใจเป็นกลางแบบนั้นเลยหรือไง  แล้วระบบงานล่ะ  อีกทั้งตัวเลขต่างๆ ที่ต้องทำให้ตามเป้าบริษัท  ความเครียดของบอสก็เยอะกันแล้ว  จะมาทำเป็นใจว่างๆ ฟังลูกน้องทั้งวันกันได้อย่างไร

อ่านต่อ »
Cover-Burn-out-sakid

WORKSHOP BURN OUT

กิจกรรม “ภาวะหมดไฟ กับสิ่งต่างๆ”

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2566 SAKID  ได้จัดกิจกรรม Workshop  “Burn Out”  ให้กับธนาคาร UOB โดยนักจิตวิทยา ผู้เข้าฟังจะได้ทำการสำรวจตัวเองว่าอาการนี้เรียกว่า หมดไฟ หรือเปล่า และสามารถจัดการกับความรู้สึกได้อย่างไร การจัดการความเครียดจากการทำงานเพื่อไม่ให้กระทบกับสุขภาพใจ

อ่านต่อ »

HRIS คืออะไร ทำไมถึงจำเป็นกับการบริหารทรัพยากรบุคคล

HRIS คืออุปกรณ์สำคัญในการช่วยทำให้ HR สามารถทำงานได้อย่างสะดวกขึ้น เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้สามารถตรวจเช็คข้อมูลพนักงานได้อย่างง่ายดาย แต่มันคืออะไรกันล่ะ

อ่านต่อ »
จัด-Workshop-อย่างไรให้โดนใจ-Cover-Sakid

จัด Workshop อย่างไร ให้โดนใจ

การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยจุดเริ่มต้นที่สามารถทำได้คือการจัดอบรมเกี่ยวกับสุขภาพในด้านต่างๆการจัดอบรมจะช่วยปูพื้นความรู้การดูแลสุขภาพทั้งด้านกายและจิตให้กับพนักงาน ให้สามารถนำไปใช้ดูแลสุขภาพของตัวเองได้ โดยทีมผู้จัด สามารถเริ่มต้นทำได้

อ่านต่อ »
Office syndrome- ฉบับวัยทำงาน-SAKID

รู้เท่าทัน OFFICE SYNDROME ฉบับวัยทำงาน

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน การทำงานในออฟฟิศกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับคนในสังคม ความสะดวกสบายที่เข้ามาแทนที่ ทำให้เราไม่ได้ปรับเปลี่ยนท่าทาง กลายเป็นต้องทำงานอยู่ในท่าใดท่าหนึ่ง ท่าเดิมซ้ำๆ เป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะกลุ่มพนักงานในบริษัท หรือองค์กร

อ่านต่อ »
Cover-sakid-บางเขน

บูธประชาสัมพันธ์แอพสะกิด ที่การไฟฟ้านครหลวง เขตบางเขน

บูธประชาสัมพันธ์แอพสะกิด ที่การไฟฟ้านครหลวง เขตบางเขน

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2566 Sakid ได้ออกบูธประชาสัมพันธ์แอพสะกิดให้กับการไฟฟ้านครหลวง เขตบางเขน ในกิจกรรม Fun for Fit เพื่อแนะนำการเข้าร่วมโครงการ  “MEA เบิร์นเกินร้อย” เปิดศึกการแข่งกันระหว่างทีมเพิ่มการเผาผลาญแคลอรี ด้วยการส่งภารกิจสุขภาพผ่านแอพสะกิด และลุ้นรับของรางวัลในแต่ละเดือน

อ่านต่อ »