
องค์กรแห่งความสุข ฉบับคนทำงาน: 10 เคล็ดลับสร้างสถานที่ทำงานแห่งความสุข
- 28/06/24
คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมบางองค์กรถึงประสบความสำเร็จอย่างสูง ในขณะที่บางองค์กรกลับล้มเหลว คำตอบอยู่ที่ความสุขของพนักงาน งานวิจัยมากมายชี้ให้เห็นว่าพนักงานที่มีความสุขนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นสำหรับองค์กร ไม่ว่าจะเป็นผลผลิตที่เพิ่มขึ้น ความคิดสร้างสรรค์ที่มากขึ้น อัตราการลาออกที่ลดลง และการให้บริการลูกค้าที่ดีขึ้น (Sgroi, 2015; Oswald et al., 2015)
ผลการวิจัยจาก University of Warwick แสดงให้เห็นว่าพนักงานที่มีความสุขมีผลผลิตเพิ่มขึ้นถึง 12% ในขณะที่พนักงานที่ไม่มีความสุขมีผลผลิตลดลง 10% (Oswald et al., 2015) งานวิจัยอื่นๆ ยังพบว่า ความสุขในที่ทำงานนำไปสู่ความผูกพันของพนักงานที่เพิ่มขึ้น ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ที่มากขึ้น และการตัดสินใจที่ดีขึ้น (Fisher, 2010) ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลดีต่อผลกำไรขององค์กรในระยะยาว
10 เคล็ดลับที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ สร้างสถานที่ทำงานแห่งความสุข
1. สร้างวัฒนธรรมแห่งการชื่นชมและให้รางวัล ชื่นชมพนักงานเมื่อพวกเขาทำงานได้ดี เพื่อให้เขารู้สึกว่างานของเขามีคุณค่าและได้รับการยอมรับ (Robbins & Judge, 2019) การยกย่องชมเชยไม่จำเป็นต้องเป็นรางวัลใหญ่โต แค่คำชื่นชมจริงใจหรือบันทึกข้อความสั้นๆ ก็สามารถสร้างความรู้สึกดีๆ ให้กับพนักงานได้แล้ว
2.ให้ความยืดหยุ่นในการทำงาน เช่น การทำงานจากที่บ้านและเวลาทำงานที่ยืดหยุ่น เพื่อให้พนักงานสามารถสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน (Grant et al., 2013) ความยืดหยุ่นช่วยให้พนักงานจัดการเวลาได้ดีขึ้น ลดความเครียด และมีเวลาให้กับครอบครัวและกิจกรรมนอกเหนือจากงานมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อความสุขและสุขภาพจิต
3.ให้โอกาสในการเรียนรู้และพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นการฝึกอบรม การสัมมนา หรือการมอบหมายงานที่ท้าทาย เพื่อให้พนักงานรู้สึกว่ากำลังเติบโตและพัฒนา (Salas et al., 2012) การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จะช่วยให้พนักงานรู้สึกตื่นเต้น มีพลัง และพร้อมรับมือกับความท้าทายต่างๆ ในอนาคต
4.สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย สะดวกสบาย และมีสุขภาวะที่ดี ทั้งในแง่ของสภาพแวดล้อมทางกายภาพและจิตใจ (Veitch et al., 2007) สถานที่ทำงานที่มีแสงสว่างเพียงพอ อุณหภูมิที่เหมาะสม อุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัย และบรรยากาศที่ผ่อนคลาย จะช่วยให้พนักงานรู้สึกสบายใจและมุ่งมั่นกับงานของตนได้อย่างเต็มที่
5.ส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีและการทำงานเป็นทีม ผ่านกิจกรรมนอกสถานที่ โครงการทำงานร่วมกัน และพื้นที่สำหรับปฏิสัมพันธ์ทางสังคมในที่ทำงาน (Tews et al., 2013) ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพื่อนร่วมงานและหัวหน้า จะช่วยสร้างความไว้วางใจ การทำงานที่ราบรื่น และบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเอง ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของความสุขในที่ทำงาน
6.สื่อสารอย่างเปิดเผยและซื่อสัตย์ แจ้งให้พนักงานทราบถึงเป้าหมาย ความคาดหวัง และการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เพื่อสร้างความไว้วางใจและการมีส่วนร่วม (Men, 2014) การสื่อสารที่ชัดเจนและโปร่งใสจะช่วยให้พนักงานเข้าใจบทบาทของตนเอง เห็นความสำคัญของงานที่ทำ และรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร
7.ให้พนักงานมีอิสระและอำนาจในการตัดสินใจในงานของตน การมีอำนาจควบคุมงานจะช่วยเพิ่มแรงจูงใจและความรับผิดชอบ (Spector, 1986) เมื่อพนักงานรู้สึกว่ามีส่วนร่วมในการกำหนดวิธีการทำงานและตัดสินใจในงานของตนเองได้ พวกเขาจะรู้สึกเป็นเจ้าของ ใส่ใจ และทุ่มเทให้กับงานมากยิ่งขึ้น
8.กำหนดเป้าหมายที่ท้าทายแต่บรรลุได้ เป้าหมายที่ชัดเจน และมีความหมายจะช่วยสร้างแรงจูงใจและความรู้สึกประสบความสำเร็จ (Locke & Latham, 2002) เป้าหมายที่ท้าทายจะกระตุ้นให้พนักงานใช้ศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ ในขณะที่เป้าหมายที่บรรลุได้จะทำให้พวกเขารู้สึกภาคภูมิใจ มีกำลังใจ และพร้อมสำหรับเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายกว่าเดิม
9.ให้ค่าตอบแทนและสวัสดิการที่เป็นธรรม องค์กรที่ให้ผลตอบแทนดีและดูแลความเป็นอยู่ของพนักงาน จะช่วยสร้างความจงรักภักดี (Tekleab et al., 2005) ค่าตอบแทนที่เพียงพอจะช่วยให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถจัดการกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเครียด และรู้สึกผูกพันกับองค์กรที่เห็นคุณค่าในการทุ่มเทแรงกายแรงใจของพวกเขา
10.ประเมินและวัดระดับความสุขของพนักงานอย่างสม่ำเสมอ ผ่านแบบสำรวจ การสัมภาษณ์ ข้อมูลจาก HR และการสังเกตพฤติกรรม เพื่อค้นหาโอกาสพัฒนาเพิ่มเติม (Fisher, 2010) การวัดระดับความสุขจะช่วยให้องค์กรเข้าใจความรู้สึกและประสบการณ์ที่แท้จริงของพนักงาน รวมถึงประเมินผลของนโยบายส่งเสริมความสุขต่างๆ ที่นำมาใช้ การส่งแบบสำรวจทุก 3-6 เดือน, การขอความคิดเห็นตอนประเมินผลการปฏิบัติงาน, การตรวจสอบสถิติการลาออกและการขาดงาน ล้วนเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญของความสุขในที่ทำงาน ที่จะช่วยให้เราปรับปรุงและเติมเต็มในจุดที่ยังขาดอยู่ได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ การวัดระดับความสุขแบบการวัดก่อนและหลังภายในบุคคลเดียวกัน (within-subject pre-post design) ก็เป็นอีกวิธีที่มีประสิทธิภาพ (Seligman et al., 2005) โดยการประเมินระดับความสุขของพนักงานแต่ละคนก่อนและหลังการนำนโยบายส่งเสริมความสุขมาใช้ เราจะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในตัวบุคคล และวัดผลกระทบที่แท้จริงของมาตรการต่างๆ ได้อย่างชัดเจน วิธีนี้จะช่วยให้เราระบุได้ว่ามาตรการใดที่ได้ผลดีกับพนักงานส่วนใหญ่ และมาตรการใดที่อาจต้องปรับเปลี่ยนหรือตัดออกไป เพื่อให้การส่งเสริมความสุขเป็นไปอย่างเฉพาะเจาะจงและตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของพนักงานในองค์กร
การสร้างสถานที่ทำงานให้น่าทำงานและมีความสุขไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ผลตอบแทนที่ได้รับก็คุ้มค่ามหาศาล ทั้งในแง่ของผลผลิต ความคิดสร้างสรรค์ การรักษาพนักงาน และกำไรที่เพิ่มขึ้น องค์กรที่เข้าใจและให้ความสำคัญกับความสุขของพนักงาน ก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เหล่านี้ และเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในระยะยาว
หากคุณสนใจที่จะพัฒนาองค์กรให้มีความสุขมากขึ้น แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ลองเข้ามาศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมในเว็บไซต์SAKID เรามีบทความให้ความรู้ เคล็ดลับ และแนวทางปฏิบัติที่หลากหลาย รวมถึงการให้คำปรึกษาโดยนักจิตวิทยาองค์กร ที่พร้อมจะช่วยให้คำแนะนำตามความต้องการเฉพาะของแต่ละองค์กร หรือเริ่มจากจัดกิจกรรมสร้างความสุข Workshop เช่น การจัดสวนขวด, Cooking class หรือสมาธิบำบัด โดยผู้เชี่ยวชาญจาก SAKID ความสุขในที่ทำงานนั้นเริ่มสร้างได้ตั้งแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่เติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กร
แหล่งอ้างอิง
Fisher, C. D. (2010). Happiness at work. International Journal of Management Reviews, 12(4), 384-412. https://doi.org/10.1111/j.1468-2370.2009.00270.x
Grant, A. M., Christianson, M. K., & Price, R. H. (2007). Happiness, health, or relationships? Managerial practices and employee well-being tradeoffs. Academy of Management Perspectives, 21(3), 51-63. https://doi.org/10.5465/amp.2007.26421238
Locke, E. A., & Latham, G. P. (2002). Building a practically useful theory of goal setting and task motivation: A 35-year odyssey. American Psychologist, 57(9), 705–717. https://doi.org/10.1037/0003-066X.57.9.705
Men, L. R. (2014). Strategic internal communication: Transformational leadership, communication channels, and employee satisfaction. Management Communication Quarterly, 28(2), 264-284. https://doi.org/10.1177/0893318914524536
Oswald, A. J., Proto, E., & Sgroi, D. (2015). Happiness and productivity. Journal of Labor Economics, 33(4), 789-822. https://doi.org/10.1086/681096
Fisher, C. D. (2010). Happiness at work. International Journal of Management Reviews, 12(4), 384-412. https://doi.org/10.1111/j.1468-2370.2009.00270.xSeligman, M. E., Steen, T. A., Park, N., & Peterson, C. (2005). Positive psychology progress: empirical validation of interventions. American Psychologist, 60(5), 410-421. https://doi.org/10.1037/0003-066X.60.5.410
Tekleab, A. G., Bartol, K. M., & Liu, W. (2005). Is it pay levels or pay raises that matter to fairness and turnover?. Journal of Organizational Behavior, 26(8), 899-921. https://doi.org/10.1002/job.352
บทความที่น่าสนใจ

CSR ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ เพิ่มศักยภาพองค์กรในระยะยาว
คุณอยากให้องค์กรของคุณโดดเด่นและแบรนด์แข็งแกร่งท่ามกลางสมรภูมิธุรกิจที่ดุเดือดใช่ไหม? ถึงเวลาแล้วที่เราจะหันมาใส่ใจ CSR หรือกิจกรรมเพื่อสังคม ซึ่งไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสังคม แต่ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือให้กับองค์กรอีกด้วย แต่จะทำ CSR อย่างไรให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ? ในบทความนี้เราจะมาเรียนรู้เคล็ดลับและกลยุทธ์ที่จะช่วยให้กิจกรรม CSR ขององค์กรคุณโดดเด่น ประทับใจผู้คน และสร้างผลกระทบที่ยั่งยืน

Performance Management คืออะไร ทำไมองค์กรควรให้ความสำคัญ
Performance Management หรือ การบริหารผลการปฏิบัติงาน คือระบบที่สามารถทำหน้าที่ควบคุม หรือชี้แนะให้พนักงานทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง

PDCA คืออะไร รู้จักหลักการที่ทำให้งานของคุณมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ทำงานแล้วเจอแต่ปัญหาซ้ำ ๆ จนบั่นทอนใจ แก้เท่าไหร่ก็ไม่จบเสียที ลองหันมาใช้ PDCA วิธีบริหารจัดการองค์กรที่ช่วยแก้ปัญหาอย่างตรงจุด แล้ว PDCA หมายถึงอะไรบ้าง?

“ดูแลสุขภาพพนักงาน” การสร้างสุขเบื้องต้นที่คุณไม่ควรมองข้าม
สุขภาพของพนักงานสำคัญกว่าที่คิด! บริษัทจะดูแลสุขภาพพนักงานได้อย่าไรบ้าง? แชร์ 5 เรื่องที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ในองค์กร เพิ่มความสุข ส่งเสริมสุขภาพให้พนักงาน

10 โรคจากการทำงาน ที่ HR สามารถช่วยป้องกันได้
เพราะพนักงงานคือคนสำคัญที่องค์กรต้องคอยดูแลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ชวนไปดู 10 โรคที่เกิดจากการทำงาน และวิธีการที่แต่ละองค์กรสามารถป้องกันโรคภัยให้กับพนักงานได้

ทำอย่างไร เมื่อคนในองค์กรเป็น Office syndrome
คุณเป็นอีกคนหนึ่งหรือเปล่าที่ตอนนี้กำลังมีอาการปวดหลัง ปวดคอ ปวดบ่า ปวดหัว นั่งทำงานสักพักก็รู้สึกตึงเมื่อย หากคุณคิดว่า นี่ไม่ใช่เพราะอายุเพียงอย่างเดียว แต่กำลังบ่งบอกว่าคุณมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเป็น Office syndrome โรคยอดฮิตที่หลายคนรู้จักแต่คงไม่อยากที่จะสนิทสนม