
เมื่อ ‘น้อยกว่า’ กลายเป็น ‘มากกว่า’: 4 วันทำงานกับผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมาย
- 07/06/24
คุณรู้สึกว่าการทำงานวันละ 8 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ทำให้คุณหมดแรงและขาดแรงบันดาลใจในการทำงานหรือไม่? คุณไม่ได้เป็นคนเดียวที่รู้สึกเช่นนี้ เพราะงานวิจัยล่าสุดชี้ว่า การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์อาจเป็นคำตอบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และยังช่วยสร้างสมดุลที่ดีระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวให้พนักงานมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ผลการศึกษาจากต่างประเทศ
งานวิจัยของ Henley Business School (2019) ได้ศึกษาผลการนำนโยบายสัปดาห์การทำงาน 4 วันไปใช้ในบริษัทต่างๆ ของสหราชอาณาจักร จากการสำรวจพนักงานกว่า 500 คนใน 50 บริษัท พบว่ากว่า 78% รายงานว่ามีความสุขกับการทำงานมากขึ้น 70% มีระดับความเครียดลดลง และ 62% เห็นว่าตนเองสามารถจัดสรรเวลาให้กับชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวนั้นง่ายขึ้น สำหรับผลลัพธ์เชิงธุรกิจ บริษัทที่เข้าร่วมโครงการกว่า 64% รายงานการเพิ่มขึ้นของผลิตภาพ โดย 5 ใน 6 บริษัทยืนยันว่าจะดำเนินนโยบายนี้ต่อไปหลังเสร็จสิ้นการทดลอง (Henley Business School, 2019)
ทั้งนี้ ยังมีองค์กรชั้นนำอีกหลายแห่งที่ได้ทดลองนำนโยบายสัปดาห์การทำงานที่สั้นลงไปใช้ เช่น Perpetual Guardian และ Unilever ในนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย, Microsoft ในญี่ปุ่น, Atom Bank ในสหราชอาณาจักร, โรงงาน Toyota และโรงพยาบาลในเมือง Gothenburg ประเทศสวีเดน รวมถึงองค์กรภาครัฐอย่าง South Cambridgeshire District Council ในสหราชอาณาจักร และรัฐ Utah ในสหรัฐอเมริกา
ความท้าทายในบริบทไทย
ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลายองค์กรในประเทศไทยเริ่มให้ความสนใจกับการทำงานรูปแบบ 4 วันต่อสัปดาห์มากขึ้น เนื่องจากพนักงานที่ทำงานที่บ้านพบว่าสามารถทำงานได้จากทุกที่ทุกเวลาหากมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ดี บริษัทขนาดใหญ่อย่างเช่น ปตท. และ AIS ได้ทดลองปรับรูปแบบการทำงานใหม่ เช่น การแบ่งพนักงานเป็นทีมสลับกันทำงานที่ออฟฟิศและที่บ้าน หรือการใช้สูตร 60-40 คือทำงานที่ออฟฟิศ 3 วันและทำงานจากที่บ้าน 2 วันต่อสัปดาห์
อย่างไรก็ตาม การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ในบริบทไทยมีรูปแบบที่หลากหลาย บางองค์กรยังคงกำหนด 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แต่บีบให้เข้มข้นขึ้นใน 4 วัน ขณะที่บางแห่งลดเหลือ 32 ชั่วโมง โดยคงค่าแรงเท่าเดิม ซึ่งต้องอาศัยการปรับระบบการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีความท้าทายในการประยุกต์ใช้กับทุกประเภทงาน โดยเฉพาะในภาคการผลิตที่ยังจำเป็นต้องทำงาน 5-6 วันต่อสัปดาห์เพื่อให้ได้ผลผลิตตามเป้าหมาย (ILO, 2018)

ข้อเสนอแนะสำหรับองค์กร
แม้สัปดาห์การทำงาน 4 วันจะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีความท้าทายในการปรับระบบ ผู้บริหารต้องพิจารณาหลายปัจจัย ทั้งลักษณะงาน ความต้องการลูกค้า ความพร้อมด้านเทคโนโลยี ค่าใช้จ่ายที่อาจเพิ่มขึ้น และความยากลำบากสำหรับธุรกิจบางประเภท การปรับเปลี่ยนวันทำงานอาจส่งผลต่อทีมและลูกค้า ทั้งปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น ความไม่ต่อเนื่องในการประสานงาน และการปรับตัวของพนักงาน ดังนั้นการสื่อสารและวางแผนที่ดีจึงสำคัญมากในการรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ และเพื่อป้องกันไม่ให้ภาระงานในวันทำงานที่เหลือหนักเกินไป
จากการทดลองใช้นโยบายการทำงาน 4 วันในต่างประเทศ พบว่ามีผลดีหลายประการ เช่น
• พนักงานมีความเครียดและความเหนื่อยล้าลดลง
• มีเวลาส่วนตัวและครอบครัวมากขึ้น
• ผลผลิตและรายได้ของธุรกิจเพิ่มขึ้น
• อัตราการลาหยุดและลาออกลดลง
อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังวลบางประการ เช่น ค่าตอบแทนที่อาจลดลง ความเครียดจากการทำงานหนักขึ้นในแต่ละวัน ความไม่เท่าเทียมระหว่างตำแหน่งงาน และความท้าทายในการบริหารจัดการทีมที่เพิ่มขึ้น
ดังนั้นการนำนโยบายการทำงาน 4 วันมาใช้ในประเทศไทย จึงต้องมีการศึกษาและวางแผนให้รอบคอบ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบทางลบต่อผลผลิตและภาพลักษณ์องค์กร รวมทั้งต้องมีนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับวันและเวลาทำงาน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อพนักงานทุกคน แม้การทดลองนำระบบนี้มาใช้อาจมีความท้าทาย แต่การเรียนรู้และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้องค์กรสามารถค้นหารูปแบบการทำงานใหม่ที่สร้างสมดุลและตอบโจทย์ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้ในที่สุด
โดยสรุป แม้การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์จะมีข้อดีมากมาย ทั้งในแง่ประสิทธิภาพการทำงาน ความพึงพอใจของพนักงาน และสมดุลชีวิตการทำงาน แต่ก็มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ทั้งความพร้อมของภาคธุรกิจ ข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีและทักษะ วัฒนธรรมองค์กร กฎหมายแรงงาน และการสนับสนุนจากภาครัฐ การเปลี่ยนผ่านสู่รูปแบบการทำงานใหม่นี้จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย และอาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวและพัฒนารูปแบบที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงประโยชน์ที่จะได้รับในระยะยาวแล้ว ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพการทำงาน ความผูกพันของพนักงาน และคุณภาพชีวิตโดยรวม การลงทุนเวลาและความพยายามเพื่อการเปลี่ยนแปลงนี้ก็นับว่าคุ้มค่า และอาจกลายเป็นความได้เปรียบในการแข่งขันสำหรับองค์กรที่สามารถปรับตัวได้อย่างประสบความสำเร็จ
หากองค์กรของท่านสนใจที่จะศึกษาความเป็นไปได้ในการนำนโยบายการทำงาน 4 วันมาทดลองใช้ การขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ อาจช่วยให้สามารถประเมินสถานการณ์ วางแผน และออกแบบกระบวนการได้อย่างเหมาะสมกับบริบทขององค์กร เพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จและลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลง หรือยังหากบริบทไม่สามารถเริ่มได้ มาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยการลดความเสี่ยงสุขภาพ ขอแนะนำ SAKID application ที่ช่วยวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านสุขภาพ และแนะนำภารกิจสุขภาพที่เหมาะกับองค์กรของท่าน ทำให้พนักงานมีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างเห็นผล และยังสนุกกับกิจกรรมด้วย
แหล่งอ้างอิง
4 Day Week Global. (2022). 4 Day Week Global pilot program results. https://4dayweek.com/academic-research.
Autonomy. (2020). The shorter working week: A radical and pragmatic proposal. https://autonomy.work/portfolio/the-shorter-working-week-a-report-from-autonomy-in-collaboration-with-members-of-the-4-day-week-campaign/
Clarke, C., Fletcher, D., & Best, T. (2023). A report on the shorter workweek: Job satisfaction and organisational outcomes. Scoping Review Report. Western Downs Regional Council, Queensland.
International Labour Organization. (2018). Ensuring decent working time for the future. https://www.ilo.org/wcmsp5/groups/public/—ed_norm/—relconf/documents/meetingdocument/wcms_618485.pdf
Henley Business School. (2019). Four-day week pays off for UK business. https://assets.henley.ac.uk/v3/fileUploads/Journalists-Regatta-2019-White-Paper-FINAL.pdf
Salika, T. (2022, May 27). For work hours, one size does not fit all. Bangkok Post. https://www.bangkokpost.com/business/general/2320610/for-work-hours-one-size-does-not-fit-al
บทความที่น่าสนใจ

Mental Health สุขภาพจิตและความสุขในที่ทำงาน
ในยุคปัจจุบัน สุขภาพจิต หรือ Mental Health กลายเป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจมากขึ้นในทุกวงการ โดยเฉพาะในองค์กรที่ต้องการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ส่งเสริมทั้งประสิทธิภาพและความสุขของพนักงาน การใส่ใจสุขภาพจิตในที่ทำงานไม่เพียงช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ แต่ยังช่วยลดปัญหาอัตราการลาออกและการขาดงานอีกด้วย

Health talk เริ่มต้นสุขภาพดี @Kubota
Health talk เริ่มต้นสุขภาพดีทำได้ทุกวัน
วันที่ 31 มีนาคม 2568 SAKID ได้จัดกิจกรรม เริ่มต้น สุขภาพดีทำได้ทุกวัน ให้กับพนักงานบริษัทคูโบต้า อมตะนคร โดยนักกำหนดอาหารได้มาร่วมพูดคุยและให้ความรู้ทริคการกินอาหารในชีวิตประจำวันที่อร่อยแล้วยังสุขภาพดีได้ เราสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเพื่อลดความเสี่ยงของโรคNCDsและมีสุขภาพที่แข็งแรง เริ่มต้นด้วยทริคการเลือกกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ การลดอาหารที่มีความเสี่ยงต่อโรคไขมัน ทริคการเลือกกินสายบุฟเฟ่ ทริคเลือกกินสายปาร์ตี้
มารู้จักกับ EAP:โปรแกรมช่วยเหลือพนักงาน ให้คำแนะนำส่วนตัว
คุณรู้สึกเครียด กังวล หรือเหนื่อยล้ากับงานอยู่หรือเปล่า? คุณมีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์หรือปัญหาส่วนตัวอื่นๆ อยู่หรือไม่? หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาเหล่านี้ EAP คือคำตอบของคุณ
EAP ย่อมาจาก Employee Assistance Program หรือโปรแกรมช่วยเหลือพนักงาน เป็นโปรแกรมสวัสดิการที่บริษัทมอบให้พนักงาน เพื่อช่วยให้พนักงานสามารถรับมือกับปัญหาต่างๆ ในชีวิต ทั้งเรื่องงาน ความสัมพันธ์ ปัญหาทางการเงิน หรือปัญหาอื่นๆ ในชีวิตส่วนตัว โดยให้บริการผ่านนักจิตวิทยาให้คำปรึกษาที่เชี่ยวชาญ
องค์กรสุขภาพดี พนักงานลดเสี่ยงโรค NCDs
องค์กรสุขภาพดี (Healthy Organization) ไม่ได้หมายถึงแค่การมีโรงอาหารสะอาดหรือประกันสุขภาพที่ครอบคลุมเท่านั้น แต่คือการสร้าง วัฒนธรรมองค์กรที่ใส่ใจสุขภาพของพนักงานอย่างรอบด้าน ครอบคลุมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม ทำให้พนักงานมีพฤติกรรมสุขภาพที่ดีขึ้น ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานและความยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว

WORKSHOP แยกไม่ยาก
กิจกรรม “จัดสวนขวด Terrarium”
เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2566 SAKID ได้จัดกิจกรรม Workshop “จัดสวนขวด Terrarium” ให้กับบริษัทเอสพี อินเตอร์แมค โดย Green Terra Station ภายในงานผู้เข้าร่วมได้จัดสวนขวดด้วยตนเอง ได้ทั้งความสนุก และความผ่อนคลาย พร้อมทั้งรับสวนขวดตามแบบฉบับของตนเองกลับไปอีกด้วย
สูตรลับสวัสดิการ ทุกบริษัททำได้ เพื่อดึงดูดและรักษาพนักงานคนเก่ง
คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมบริษัทชั้นนำหลายแห่งจึงให้ความสำคัญกับสวัสดิการพนักงานเป็นอย่างมาก? ความจริงก็คือ สวัสดิการที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีความสามารถเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิตโดยรวมขององค์กรอีกด้วย การลงทุนในความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานส่งผลโดยตรงต่อผลกำไรของบริษัท จากการลดต้นทุนด้านสุขภาพ เพิ่มความพึงพอใจในการทำงาน และส่งเสริมความผูกพันของพนักงาน