55 กับเงินใช้หลังเกษียณ สำหรับพนักงานบริษัท
- 16/05/24
“สายไปหรือเปล่า หนึ่งคำถามที่ดังในใจ ถ้าในวันนั้นเราทำแบบนั้น มาในวันนี้จะเป็นอย่างไร… สายไปหรือเปล่า กี่ทีแล้วที่ต้องเสียดาย รู้อย่างนี้จะทำอย่างนั้น รู้อย่างนั้นจะไม่ปล่อยไป…”
มีใครเคยดูซีรีส์ไทยเรื่องแรกที่เผยแพร่ทาง Disney+ Hotstar อย่าง 55:15 Never Too Late กำลังเข้มข้นเลยนะครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของเพื่อนชาย-หญิง 5 คน ในวัย 55 ปี ที่ถูกย้อนเวลาไปเติมเต็มความฝันในวัย 15 ปี สำหรับการวางแผนการเงินนั้น อายุ 55 ปี ก็ถือเป็นหมุดหมายสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นวัยที่หลายคนวาดฝันว่าจะเกษียณจากการทำงาน โดยจะมีสิทธิได้รับเงินจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อใช้หลังเกษียณ ซึ่งหากปฏิบัติถูกเงื่อนไข ก็จะได้รับยกเว้นภาษีอีกด้วย ตามผมไปดูกันเลยครับว่ามีอะไรบ้าง…
ประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพจากกองทุนประกันสังคม
เมื่อคุณสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือมาตรา 39 และมีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์ จะมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนเป็นเงินบำเหน็จชราภาพหรือเงินบำนาญชราภาพอย่างใดอย่างหนึ่ง ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการส่งเงินสมทบ แต่จะไม่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานอีก
• หากส่งเงินสมทบไม่ถึง 12 เดือน จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเท่ากับเงินสมทบเฉพาะส่วนของผู้ประกันตน
• หากส่งเงินสมทบตั้งแต่ 12 เดือน แต่ไม่ถึง 180 เดือน จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเท่ากับเงินสมทบทั้งส่วนของผู้ประกันตนและส่วนของนายจ้าง พร้อมผลประโยชน์ตอบแทนรายปี
• หากส่งเงินสมทบตั้งแต่ 180 เดือนขึ้นไป จะได้รับเงินบำนาญชราภาพ ในอัตราเดือนละ 20% ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย โดยเพิ่มอีก 5% ต่อทุก 12 เดือนที่ส่งเงินสมทบเกิน 180 เดือน และไม่ต่ำกว่า 720 บาท
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สำนักงานประกันสังคมอยู่ระหว่างแก้ไขกฎหมายเพื่อปฏิรูประบบบำนาญชราภาพใน 3 ประเด็น คือ “ขอเลือก” ให้ผู้ที่มีสิทธิได้รับเงินบำนาญชราภาพ สามารถเลือกรับเงินบำเหน็จชราภาพแทนได้ “ขอคืน” ให้ผู้ประกันตนสามารถขอรับเงินกรณีชราภาพบางส่วนคืนก่อนเกษียณอายุ และ “ขอกู้” ให้ผู้ประกันตนนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนไปเป็นหลักประกันกู้เงินธนาคารได้ รวมถึงขยายอายุผู้มีสิทธิรับประโยชน์ทดแทนกรณีภาพเป็น 60 ปีบริบูรณ์
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD)
เมื่อคุณออกจากงานโดยมีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์ และเป็นสมาชิก PVD ไม่น้อยกว่า 5 ปี เงินที่ได้รับจาก PVD จะได้รับยกเว้นภาษีทั้งจำนวน ทั้งนี้ ข้อบังคับกองทุนอาจกำหนดให้ลูกจ้างมีสิทธิขอรับเงินเป็นงวดได้ ส่วนกรณีที่ออกจากงานก่อนหน้านั้น มีทางเลือก 2 ทางที่จะได้รับยกเว้นภาษีจากเงิน PVD เช่นเดียวกัน คือ
1. ขอคงเงินไว้ใน PVD ทั้งจำนวน และคงการเป็นสมาชิกต่อไป แต่จะไม่มีการจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบอีก แล้วขอรับเงินเมื่ออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และเป็นสมาชิกกองทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี
2.ขอโอนเงินไปยังกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF for PVD) แล้วขายหน่วยลงทุนใน RMF for PVD เมื่ออายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์ และมีระยะเวลาการเป็นสมาชิก PVD รวมกับระยะเวลาถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี
อย่างไรก็ตาม การโอนเงินไปยัง RMF for PVD จะไม่ถือว่าเป็นการซื้อหน่วยลงทุนใน RMF จึงไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากค่าซื้อหน่วยลงทุนแต่อย่างใด
กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
เมื่อคุณมีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์ และได้ซื้อหน่วยลงทุนใน RMF ต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปี (นับเฉพาะปีที่ลงทุน) จะได้รับสิทธิ 2 ประการ คือ
1.สามารถหยุดซื้อหน่วยลงทุน หรือจะซื้อหน่วยลงทุนต่อไปในปีใดปีหนึ่งก็ได้ โดยไม่มีเงื่อนไขที่ห้ามระงับการลงทุนเกิน 1 ปี
2.สามารถขายคืนหน่วยลงทุน โดยกำไรที่คำนวณจากเงินลงทุนที่ไม่เกินสิทธิซื้อของแต่ละปีจะได้รับยกเว้นภาษี
แต่ข้อที่ควรระวังก็คือ เมื่อขายคืนหน่วยลงทุนไปแล้ว ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ต่อมาหากต้องการซื้อใหม่ เงื่อนไขที่จะต้องซื้อต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ปี และไม่ระงับการลงทุนเกิน 1 ปี จะบังคับอีกครั้งกับการซื้อครั้งใหม่ โดยนับตั้งแต่วันที่เริ่มซื้อก้อนใหม่นี้ หากซื้อครบ 5 ปี จึงจะได้รับสิทธิ 2 ประการข้างต้นอีกครั้ง
ส่วนกรณีที่ซื้อหน่วยลงทุนมาไม่น้อยกว่า 5 ปี แต่ขายคืนก่อนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ จะได้รับยกเว้นภาษีเฉพาะกำไรจากการขายคืน แต่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90/91 เพื่อคืนสิทธิประโยชน์จากค่าซื้อ RMF ที่เคยได้รับในช่วง 5 ปีย้อนหลัง (สำหรับหน่วยลงทุนที่ซื้อก่อนเดือนมีนาคม 2551 จะไม่มีเงื่อนไขเกี่ยวกับอายุเมื่อขายคืน)
รวมถึงกรณีที่ระงับการลงทุนเกิน 1 ปีติดต่อกัน ก็ต้องยื่นแบบเพิ่มเติมเช่นเดียวกัน ถ้ายื่นแบบเพิ่มเติมภายในเดือนมีนาคมของปีถัดจากปีที่ปฏิบัติผิดเงื่อนไข จะได้รับสิทธิ 2 ประการ คือ
(1) ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน (นับตั้งแต่เดือนเมษายนของปีถัดจากปีที่ใช้สิทธิลดหย่อนค่าซื้อ จนถึงเดือนที่ยื่นแบบเพิ่มเติม)
(2) หากไม่ได้เป็นการขายคืนหน่วยลงทุนทั้งหมด จะสามารถนับระยะเวลาถือหน่วยลงทุนต่อเนื่องกับช่วงก่อนปฏิบัติผิดเงื่อนไขได้
แต่กรณีที่ขายคืนก่อนลงทุนครบ 5 ปี ถึงแม้ว่าอายุจะครบ 55 ปีบริบูรณ์แล้วก็ตาม นอกจากต้องยื่นแบบเพื่อเสียภาษีเพิ่มเติมดังกล่าวแล้ว ยังต้องนำกำไรไปรวมคำนวณภาษี (ภ.ง.ด. 90) สำหรับปีที่ขายคืนอีกด้วย โดยจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายตามอัตราขั้นบันได แต่ไม่ยกเว้น 150,000 บาทแรก (นั่นคือกำไร 300,000 บาทแรกจะถูกหักภาษี 5%)
ประกันชีวิตแบบบำนาญ
เป็นผลิตภัณฑ์อีกรูปแบบที่ให้รายได้ประจำภายหลังเกษียณ โดยอายุ 55 ปี เป็นอายุขั้นต่ำที่ประกันชีวิตแบบบำนาญจะสามารถเริ่มจ่ายผลประโยชน์เงินบำนาญแก่ผู้เอาประกัน แต่บางแบบประกันอาจเริ่มหลังจากนั้น เช่น เมื่ออายุ 60 หรือ 65 ปี โดยจ่ายไปจนถึงอายุ 85 ปี หรือสูงกว่านั้น ทั้งนี้ ผู้เอาประกันต้องชำระเบี้ยประกันครบถ้วนแล้วก่อนรับผลประโยชน์เงินบำนาญ ซึ่งอัตราเงินบำนาญที่จ่ายอาจคงที่ตลอดอายุกรมธรรม์ หรือจะเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันไดก็ได้ และบางแบบประกันก็มีการรับประกันจำนวนปีที่จ่ายผลประโยชน์เงินบำนาญ เช่น 10 ปี 15 ปี หรือ 20 ปี สำหรับความคุ้มครองชีวิตของประกันชีวิตแบบบำนาญโดยทั่วไปเป็นดังนี้
• หากผู้เอาประกันเสียชีวิตก่อนรับผลประโยชน์เงินบำนาญ ผู้รับประโยชน์จะได้รับมูลค่าที่สูงกว่าระหว่าง (1) เบี้ยประกันหลักที่ชำระมาแล้วพร้อมส่วนเพิ่ม (ถ้ามี) หรือ (2) มูลค่าเวนคืนกรมธรรม์ เหมือนเช่นประกันชีวิตแบบอื่น ๆ
• หากผู้เอาประกันเสียชีวิตในช่วงรับประกันการจ่ายผลประโยชน์เงินบำนาญ (ถ้ามี) ผู้รับประโยชน์จะได้รับมูลค่าที่สูงกว่าระหว่าง (1) มูลค่าปัจจุบันของเงินบำนาญส่วนที่รับประกันที่ยังรับไม่ครบ หรือ (2) เบี้ยประกันหลักที่ชำระมาแล้ว หักด้วยเงินบำนาญที่ได้รับไปแล้ว
• หากผู้เอาประกันเสียชีวิตภายหลังช่วงรับประกันการจ่ายผลประโยชน์เงินบำนาญ ผู้รับประโยชน์จะได้รับเบี้ยประกันหลักที่ชำระมาแล้ว หักด้วยเงินบำนาญที่ได้รับไปแล้ว (แต่ถ้าได้รับเงินบำนาญไปแล้วมากกว่าเบี้ยประกันที่ชำระ ก็จะไม่ได้รับเงินใด ๆ)
อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ของแต่ละบริษัทอาจมีรายละเอียดแตกต่างกันไป ดังนั้น ผู้ที่สนใจทำประกันชีวิตแบบบำนาญ ควรสอบถามและศึกษารายละเอียดของผลิตภัณฑ์ให้เข้าใจนะครับ
เงินฝากประจำ
อาจเป็นช่องทางเก็บรักษาเงินสำหรับใช้หลังเกษียณให้ปลอดภัยที่หลายคนตั้งใจจะเลือกใช้นะครับ โดยเมื่อคุณมีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์ และได้รับดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 1 ปีขึ้นไป รวมทุกธนาคาร ทุกบัญชี ไม่เกิน 30,000 บาทตลอดปีภาษี ดอกเบี้ยดังกล่าวจะได้รับยกเว้นภาษี แต่ถ้าได้รับดอกเบี้ยเกินจำนวนดังกล่าวจะต้องเสียภาษีตั้งแต่บาทแรก ส่วนกรณีที่คู่สามีภรรยาฝากเงินร่วมกันและไม่อาจแยกได้อย่างชัดแจ้งว่าเป็นของฝ่ายละเท่าใด จะถือว่าดอกเบี้ยที่ได้รับเป็นเงินได้ฝ่ายละครึ่งหนึ่ง
การย้อนวัยเหมือนในซีรีส์ 55:15 Never Too Late อาจเป็นความฝันของใครหลายคน แต่ชีวิตจริง ในวันที่เลข 55 มาเยือน เราคงไม่สามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้ การเก็บเงินเพื่อการเกษียณก็เช่นกัน ดังนั้น เริ่มวางแผนเสียตั้งแต่ตอนนี้ ผมเชื่อว่า “ไม่มีคำว่าสาย ในพจนานุกรมของเรา… It’s never too late” แน่นอนครับ ส่วนองค์กรไหนสนใจ Workshop การเงิน ที่จะให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องการบริหารเงินอย่างง่าย สามารถให้ SAKID ช่วยดูแลได้ทางเรามีวิทยากรเฉพาะทางไม่ว่าจะเป็น นักกำหนดอาหาร นักจิตวิทยา นักกายภาพ นักวิทยาศาสตร์การกีฬา และนักการเงิน นอกจากสุขภาพเงินสำคัญแล้วสุขภาพใจก็สำคัญไม่แพ้กัน
ขอขอบคุณบทความดีๆ จากพาร์ทเนอร์ SiamWealthManagement
บทความที่น่าสนใจ
กีฬาสี จัดได้ง่าย สร้างทีมได้ด้วย
กิจกรรมกีฬาสี หรือ Sport Day นับเป็นกิจกรรมหนึ่งที่หลาย ๆ บริษัทนิยมจัดให้กับพนักงาน เพราะกีฬาสีเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการเสริมสร้างสุขภาวะ แม้จะแข่งขันเพื่อผลแพ้ชนะแต่จุดประสงค์หลักก็เพื่อให้พนักงานในบริษัทได้มีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกันนอกเหนือจากภาระงานของตนเอง
บูธประชาสัมพันธ์แอพสะกิด ที่การไฟฟ้านครหลวง เขตคลองเตย
กิจกรรม “Healthy Workshop”
เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 Sakid ได้ออกบูธประชาสัมพันธ์แอพสะกิดให้กับการไฟฟ้านครหลวง เขตคลองเตย ในกิจกรรม Fun for Fit เพื่อแนะนำการเข้าร่วมโครงการ “MEA เบิร์นเกินร้อย” เปิดศึกการแข่งกันระหว่างทีมเพิ่มการเผาผลาญแคลอรี ด้วยการส่งภารกิจสุขภาพผ่านแอพสะกิด ภายในงานได้รับความสนใจจากพนักงานเป็นจำนวนมาก
Ergonomics คืออะไร รู้จักกับการยศาสตร์เพื่อสุขภาพที่ดีในการทำงาน
ออฟฟิศไหนกำลังประสบปัญหาปวดหลังกันทั้งออฟฟิศโปรดมาทางนี้! ชวนมาทำความรู้จัก Ergonomics หรือ การยศาสตร์ ศาสตร์แห่งการทำงานที่ช่วยให้พนักงานมีสุขภาพดีด้วย…
PDCA ตัวช่วยพัฒนาองค์กร
เป็นกระบวนการที่มีความสำคัญต่อองค์กรอย่างมาก ที่มีบทบาทที่สำคัญในการพัฒนา ช่วยให้มีกระบวนการการจัดการที่มีประสิทธิภาพและดำเนินการภายในองค์กรอย่างเป็นระบบ
Well being the future hr trends
การให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีในที่ทำงานไม่ใช่แค่เทรนด์ที่ผ่านไปเท่านั้น แต่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในวงกว้างมากขึ้นในมุมมองของธุรกิจและสังคมต่อบทบาทของการทำงานและความสำคัญของสวัสดิการของพนักงาน ปัจจัยหลายอย่างมีส่วนทำให้การเน้นเรื่องสุขภาพและสภาพสิ่งแวดล้อมในการทำงานที่ดีเพิ่มมากขึ้น
7 สัญญาณพนักงานไม่แฮปปี้ที่ไม่ควรมองข้าม
ความสุขในที่ทำงานเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพและความสำเร็จขององค์กร แต่เมื่อพนักงานเริ่มขาดรอยยิ้มในการทำงาน ผลกระทบด้านลบที่ตามมาอาจสร้างความเสียหายให้กับผลการดำเนินงานได้อย่างมหาศาล บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ 7 สัญญาณอันตรายที่บ่งบอกถึงความไม่แฮปปี้ของพนักงานในองค์กร ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม พร้อมแนะนำวิธีการช่วยเหลือและจัดการกับปัญหาเหล่านี้ เพื่อส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานที่เปี่ยมไปด้วยความสุข และนำพาองค์กรสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน