
15 วิธีสังเกตภาวะหมดไฟภายในองค์กร (Burnout Syndrome)
- 12/12/23
ทุกวันนี้รูปแบบการทำงานที่รวดเร็วและแข่งขันกันสูง ทำให้พนักงานในองค์กรเกิดภาวะหมดไฟเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ลักษณะของภาวะหมดไฟอย่างความเหนื่อยหน่ายเรื้อรัง ความรู้สึกด้านชา เป็นสิ่งที่คอยบั่นทอนและลดประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งอาจส่งผลร้ายแรงต่อทั้งพนักงานและองค์กร
ภาวะหมดไฟจากการทำงาน
หมายถึง ภาวะเหนื่อยล้าทั้งทางร่างกายและจิตใจที่เกิดจากความครียดและการทำงานหนักเป็นเวลานาน ทำให้พนักงานรู้สึกหมดแรง ไม่อยากทำงาน มองโลกในแง่ลบ และทำงานได้แย่ลง โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้ภาวะหมดไฟประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ ความอ่อนล้าทางอารมณ์และจิตใจ ขาดพลังในการทำงาน, การมองด้านลบ การมีทัศนคติเชิงลบต่อองค์กรและเพื่อนร่วมงาน, ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงและรู้สึกขาดความสามารถในการทำงาน
ภาวะหมดไฟในการทำงานหรือโรคเบิร์นเอาท์ที่มาจากความเหนื่อยล้าทางกายและทางใจนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก โดยนักจิตวิทยาองค์กรได้แนะนำ
15 วิธีที่ช่วยสังเกตภาวะหมดไฟของเพื่อนร่วมงาน
ก่อนที่พนักงานเหล่านั้นจะถึงจุดแตกหักทางจิตใจ
1.ความเหนื่อยล้าอย่างต่อเนื่อง: พนักงานอาจพูดหรือแสดงออกบ่อยครั้งถึงความเหนื่อยล้า ขาดแรงจูงใจ ไม่มีพลังที่จะทำงาน
2.ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง: พนักงานอาจส่งงานช้ากว่ากำหนด, ทำงานพลาดมากขึ้น รวมถึงมีเฉื่อยชาในการทำงานมากขึ้น
3.ขาดการเชื่อมต่อทางอารมณ์: พนักงานเริ่มไม่แยแสกับงานของตัวเองและขาดความกระตือรือร้นในการทำงาน
4.มองโลกในแง่ร้ายชัดเจนขึ้น: ความรู้สึกที่ไม่ดีต่องานมีมากขึ้น พนักงานมักแสดงออกผ่านการวิพากษ์วิจารณ์และการปฏิสัมพันธ์ต่องานในทางที่ไม่ดี
5.ลดการมีส่วนร่วมกับองค์กร: พนักงานเลือกที่จะแยกตัว หลีกเลี่ยง หรือถอนตัวจากกิจกรรมที่เกี่ยวกับงานหรือกิจกรรมทางสังคมขององค์กร
6.ลาหยุดบ่อยขึ้น: พนักงานอาจใช้วันลาป่วยหรือลากิจเพื่อหลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมการทำงาน
7.โฟกัสงานยากขึ้น: ความอ่อนล้าทางจิตใจและความคิดเป็นสิ่งที่ขัดขวางสมาธิในการทำงานและทำให้เกิดความผิดพลาดในการทำงานบ่อยมากขึ้น
8.ความหงุดหงิดเพิ่มขึ้น: ความกระวนกระวายในการทำงาน พูดจาไม่ดีและมีปากเสียงกับเพื่อนร่วมงานบ่อยขึ้น ไม่สามารถจัดการกับความเครียดของตัวเองเหมือนที่เคยเป็น
9.การผัดวันประกันพรุ่งที่มากขึ้น: การขอเลื่อนส่งงาน, มีปัญหาเกี่ยวกับการจัดลำดับความสำคัญของงาน, หลีกเลี่ยงที่จะทำงานที่ท้าทาย
10.สัญญาณทางร่างกาย: อาการปวดหัว ปวดท้อง และอาการอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับความเครียดซึ่งแสดงออกบ่อยขึ้น
11.ประสิทธิภาพในการนอนหลับลดลง: พนักงานรู้สึกตื่นขึ้นมาเหมือนไม่ได้พักผ่อน นอนหลับไม่เพียงพอ
12.ละเลยตนเอง: พนักงานมีปัญหากับการดูแลตัวเองในขั้นพื้นฐาน เช่น สุขอนามัย การแต่งกาย หรือการรับประทานอาหารผิดเวลา
13.การรับมือกับความเครียดที่ผิดปกติ: การเพิ่มขึ้นของปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ และการสูบบุหรี่เพื่อจัดการกับความเครียดของตนเอง
14.ความรู้สึกถาโถม: พนักงานรู้สึกหนักใจกับภาระงานของตัวเอง รู้สึกว่าตนเองต้องดิ้นรนแต่ไม่สามารถบรรลุความคาดหวังในงานที่ตนเองตั้งไว้ได้
15.รู้สึกไม่ประสบความสำเร็จ: พนักงานรู้สึกไม่พอใจในผลงานของตนเองและรู้สึกว่าตัวเองไม่มีศักยภาพเพียงพอ
การจัดการกับภาวะหมดไฟในองค์กรนั้น นักจิตวิทยาองค์กรกล่าวว่าต้องอาศัยความร่วมมือจากทางพนักงานและองค์กร องค์กรสามารถสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่สมดุล สนับสนุนให้พนักงานเลิกงานตรงเวลาและงดทำงานนอกเวลา จัดลำดับความสำคัญทั้งชีวิตงานและชีวิตส่วนตัว, มีการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้พนักงานสามารถเปิดใจระบาย แสดงความคิดเห็น แสดงความกังวล และขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงานและหัวหน้างานได้ องค์กรยังสามารถส่งเสริมให้มีการพักเบรค ลุกออกจากโต๊ะทำงานมายืดเส้นยืดสาย และให้ความช่วยเหลือในการเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต นอกจากนี้การให้อิสระในการทำงานแก่พนักงาน สร้างความเป็นเจ้าของในงาน ให้โอกาสพนักงานได้เติบโตในสายงาน จะทำให้พนักงานรับรู้ถึงความสำเร็จของตนเอง
การจัดการขององค์กรในข้างต้นจะช่วยเพิ่มสุขภาวะโดยรวมของพนักงานทั้งทางกายและทางใจ หากพนักงานมีความสุข ประสิทธิภาพในการทำงานและผลผลิตก็จะเพิ่มมากขึ้น สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เหล่าฟันเฟืองขององค์กรได้ขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายและประสบความสำเร็จต่อไป และหากอยากทราบว่าในองค์กรของเรามีภาวะ burnout เกิดขึ้นแล้วหรือไม่ ให้ SAKID ช่วยประเมินได้ พร้อมมีทั้งกิจกรรม workshop และบริการปรึกษารายบุคคลจากนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญ ในการดูแล ตอบโจทย์ครบได้ที่เดียว
ที่มา
World Health Organization. (2022). Burnout syndrome. In <i>International Classification of Diseases (11th Revision)</i>. https://www.who.int/news/item/28-05-2019-burn-out-an-occupational-phenomenon-international-classification-of-diseases
Bakker, A. B., Demerouti, S., & Sanz-Vergara, M. (2014). Work engagement: A conceptual review. The Journal of Positive Psychology, 9(1), 89-105. (Published in 2014)
Cullen, P. A. (2005). A new perspective on work-family balance and burnout. Journal of Occupational and Organizational Psychology, 78(4), 497-516. (Published in 2005)
Leiter, M. P. (2009). Preventing burnout: Current strategies and future directions. In R. A. Karasek, & T. Theorell (Eds.), Handbook of work and health (pp. 621-644). New York: Springer. (Published in 2009)
Schaufeli, W. B., Leiter, M. P., & Bakker, A. B. (2008). Work engagement: A conceptual and empirical review. European Journal of Work and Organizational Psychology, 17(2), 167-215. (Published in 2008)
Maslach, C., Schaufeli, W. B., & Leiter, M. P. (2001). Job burnout: A theoretical model. In C. L. Cooper, P. A. Day, & R. E. Burke (Eds.), Organizational stress and health (pp. 89-100). Chichester, UK: Wiley. (Published in 2001)
Schaufeli, W. B., & Bakker, A. B. (2001). Burnout: A review of 25 years of research and theory. Current Directions in Psychological Science, 10(4), 113-117. (Published in 2001)
Leiter, M. P., & Maslach, C. (2005). Prevention of work-related stress, burnout, and health problems: A new approach. Journal of Occupational Health Psychology, 10(3), 3-40. (Published in 2005)
บทความที่น่าสนใจ

เข้าใจ “ออฟฟิศซินโดรม” พร้อมวิธีป้องกันเบื้องต้นที่ทุกคนควรรู้
ออฟฟิศซินโดรม คืออะไร อาการ สาเหตุและพฤติกรรมเสี่ยง วิธีปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและวิธีป้องกันออฟฟิศซินโดรมเบื้องต้น ที่คนทำงานและบริษัทต้องรู้

Health talk กินอยู่ อย่างไร ห่างไกล NCDs
Health talk กินอยู่อย่างไร ห่างไกล NCDs
วันที่ 30 เมษายน 2568 SAKID ได้จัดกิจกรรม กินอยู่อย่างไรห่างไกลโรคNCDs กับ SAKID ที่บริษัท ภิรัชแมนเนจเม้นท์ Workshop เกี่ยวกับการเลือกอาหารในชีวิตประจำวันโดยจะเน้นไปที่การลดน้ำหนักและไขมันในเลือด ให้พนักงานได้นำไปใช้ได้จริง การอ่านฉลากแบบง่ายๆ การเลือกกินอาหารแบบ 2-1-1 เน้นโปรตีนและผัก การเลือกกินคาร์โบไฮเดรตในสัดส่วนที่ถูกต้อง เพื่อรักษาการกินที่สมดุลให้เหมาะกับสภาวะร่างกายของแต่คนให้ถูกต้อง

How to วางงบจัดกิจกรรม บริษัท องค์กร ให้คุ้มค่าและได้ผลลัพธ์สุดปัง
ในปัจจุบันองค์กรต่าง ๆ ให้ความสำคัญการดูแลด้าน Well-being หรือสุขภาวะที่ดีของพนักงาน เพราะเล็งเห็นว่าพนักงานเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดขององค์กร ในการดำเนินกิจกรรมให้เป็นไปตามเป้าหมายขององค์กร หากพนักงานมีความสุขก็จะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน และมีความผูกพันต่อองค์กร แต่ทราบหรือไม่ว่านอกจากนี้ยังสามารถขอรับรองมาตรฐานที่เกี่ยวข้องได้หลายมาตรฐาน ซึ่งทำให้มั่นใจว่ากิจกรรมด้าน Well-being ที่จัดให้พนักงานมีความครบถ้วนหรือไม่ เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด และหากองค์กรได้รับรางวัลมาตรฐานเหล่านี้ ยังเป็นการสร้างชื่อเสียงให้แก่องค์กร สร้างภาพลักษณ์ต่อผู้เกี่ยวข้องทั้งพนักงาน ลูกค้า และบุคคลภายนอกในการเป็นองค์ที่มีความใส่ใจพนักงาน

ทำอย่างไร เมื่อคนในองค์กรน้ำหนักเกิน
ปัจจุบันในประเทศไทยพบว่าแนวโน้มภาวะ น้ำหนักเกิน และ ภาวะอ้วนเพิ่งสูงขึ้น ซึ่งสาเหตุที่สำคัญอย่างหนึ่งเกิดจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่เปลี่ยนแปลงไป ร่วมกับ activity ที่ลดลง เป็นตัวส่งเสริมให้เรามีความเสี่ยงต่อภาวะน้ำหนักเกินและอ้วนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะพนักงงาน office อย่างเราๆ ที่ Activity นั้นแสนจะน้อยนิด ส่วนใหญ่ก็นั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ จนหลายคนเกิดปัญหาเรื่อง Office syndrome ตามมา

Employee Engagement เทคนิคสานสัมพันธ์ของพนักงานและองค์กร
การสานสัมพันธ์ของพนักงานและองค์กร ถือเป็นโจทย์ที่น่าขบคิดอีกหนึ่งอย่างสำหรับ HR และผู้บริหารภายในองค์กร Employee Engagement จึงเข้ามามีบทบาทที่สำคัญในจุดนี้

ทำอย่างไร เมื่อคนในองค์กรมีไขมันในเลือดสูง
ทุกธุรกิจ ทุกองค์กร มีการจัดการคนทำงานในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ถ้าวันนี้ลองสังเกตดูว่า พนักงานของเรา ยังมีความสุขในการทำงานหรือไม่ การทำงานของแต่ละคนมีประสิทธิภาพที่ตอบโจทย์องค์กรมากแค่ไหน และคุณภาพชีวิตของพนักงานดีขึ้นทุกด้านรึเปล่า หากผู้นำหรือผู้บริหารสามารถมองจุดนี้ได้ ธุรกิจก็จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน