มารู้จัก Healthy Organization องค์กรสุขภาพดี
- 24/10/23
รู้จักแนวคิด Healthy Organization
จากการสำรวจสุขภาพของประชากรไทยครั้งที่ 6 ซึ่งดำเนินการในปี 2562-2563 ซึ่งประเด็นในการสำรวจครอบคลุมในเรื่องพฤติกรรมสุขภาพ ภาวะโรคที่สามารถตรวจวัดพื้นฐาน ได้แก่ การวัดสัดส่วนร่างกาย ความดันโลหิต และการตรวจวัดน้ำตาล และไขมันในเลือด เป็นต้น โดยครอบคลุมทั้งในวัยทำงาน และผู้สูงอาย พบว่า ปัญหาอันดับต้นของสังคมในขณะนี้คือ โรคที่เกิดจากพฤติกรรมสุขภาพ หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โดยเฉพาะภาวะอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูงซึ่งมีผลต่ออุบัติการณ์โรคระบบหัวใจและหลอดเลือดที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มีสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้น เกิดภาระค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการดูแลรักษา ในขณะที่ความสามารถในการทำงานก็ด้อยลงตามสภาพร่างกายส่งผลเสียเป็นวงกว้างทั้งแก่ตัวพนักงาน และองค์กร ดังนั้นมาตรการป้องกันและลดภาระโรคเหล่านี้จึงเป็นประเด็นสำคัญมาก
สำหรับคนวัยทำงานในองค์กรต้องใช้ชีวิตแต่ละวันในสภาพแวดล้อมในการทำงาน 5-7 วันต่อสัปดาห์ วันละ 8-10 ชั่วโมง หากยังใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ ด้วยความเคยชิน และอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบเดิม ๆ ก็ยากที่จะปรับเปลี่ยนตนเองให้มีสุขภาพดีขึ้นได้
เราจึงขอแนะนำ Healthy Organization หรือแนวทางเกี่ยวกับการสร้างองค์กรที่มีการวางระบบในการให้ความรู้ในการดูแลสุขภาพแก่พนักงาน และส่งเสริมให้พนักงานนำความรู้นั้นไปปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวัน ควบคู่กับการจัดสภาพแวดล้อมในองค์กรให้เอื้ออำนวยต่อการสร้างเสริมสุขภาพของพนักงาน เพื่อให้พนักงานมีสุขภาพดี และนำมาซึ่งประสิทธิภาพของการทำงาน ซึ่งดำเนินการโดยเครือข่ายคนไทยไร้พุง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย
6 องค์ประกอบสำคัญ ดังนี้
1.Healthy Policy
เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด คือการกำหนดนโยบายสร้างเสริมสุขภาพให้กับพนักงานในองค์กร เพื่อเป็นการกำหนดทิศทางที่ชัดเจนและได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารเพื่อความต่อเนื่องและยั่งยืน โดยผู้ที่กำหนด Healthy Policy อาจเป็น HR, จป., บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพพนักงานในองค์กร หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลเรื่องการจัดกิจโครงการสร้างเสริมสุขภาพ หรือกระทั่งผู้ที่สนใจและศึกษา Healthy Organization เริ่มต้นด้วยการเก็บวิเคราะห์ข้อมูลปัญหาสุขภาพ พฤติกรรมการใช้ชีวิตของพนักงาน สำรวจความต้องการในการจัดกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาพนักงานที่ป่วยเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ฯลฯ เพื่อเสนอร่าง Healthy Policy ให้ผู้บริหารกำหนดเป็นนโยบายสร้างเสริมสุขภาพที่สอดคล้องกับปัญหาสุขภาพที่พบ ประกาศให้ทราบกันทั่วองค์กร และจัดตั้งคณะทำงานและแกนนำสุขภาพขององค์กรหรือหน่วยงาน (Health Leader) ซึ่งมีหน้าที่สื่อสารและกระตุ้นพนักงานองค์กรให้เข้าร่วมกิจกรรม อำนวยความสะดวกให้สามารถติดตามผลสุขภาพของตนเอง เพื่อขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติจริง สุดท้ายคือติดตาม ประเมินผล และรับฟังข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะของพนักงานในองค์กร เพื่อนำไปใช้ปรับปรุงนโยบายให้เหมาะสมตามความต้องการมากขึ้น
2.Healthy Workshop
หลังจากกำหนดนโยบายสร้างเสริมสุขภาพให้กับพนักงานในองค์กรแล้ว จำเป็นต้องถ่ายทอดความรู้ในการดูแลสุขภาพที่เชื่อถือได้ให้กับพนักงานให้ตรงกับปัญหา เป็นการนำข้อมูลปัญหาจากขั้นตอน Healthy Policy มาดำเนินการต่อ โดยมุ่งเน้นให้ทราบถึงวิธีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพที่ดี ที่ปฏิบัติได้จริงในชีวิตประจำวัน ซึ่งการจัดอบรมให้ความรู้ถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ Healthy Workshop แต่ยังไม่ใช่ทั้งหมด ต้องเกิดความตระหนักและแรงบันดาลใจที่จะดูแลสุขภาพตนเองต่อไป และมีการนำความรู้จากการอบรมไปปฏิบัติจริงด้วย อาจสร้างความตระหนักและความสนใจในการดูแลสุขภาพแก่พนักงานก่อน โดยการจัดมุมตรวจสุขภาพง่าย ๆ ที่พนักงานสามารถเข้าไปวัดองค์ประกอบร่างกาย ชั่งน้ำหนัก วัดความดัน รอบเอวได้ ฯลฯ การจัด Workshop ให้ความรู้ควรครอบคลุม 3 กลุ่ม คือ กลุ่มคนปกติที่รักการดูแลสุขภาพ กลุ่มที่เริ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรค และกลุ่มที่เกิดโรคแล้ว และสุดท้ายมีการติดตามประเมินผล วัดทั้งการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพและผลร่างกาย รวมถึงสมรรถภาพร่างกายของผู้เข้าร่วมอบรม
3.Healthy Canteen
หรือการปรับเปลี่ยนโรงอาหารให้เอื้อต่อการมีสุขภาพดี เช่น วิธีการปรุง หรือสัดส่วนอาหารตามหลักโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพให้พนักงานได้เลือกซื้อรับประทาน ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือของคณะผู้ทำงานและคณะผู้ดูแลโรงอาหาร ผู้ประกอบอาหาร รวมถึงพนักงานผู้ใช้บริการเอง โดยเปิดโอกาสให้หารือเรื่องแนวทางร่วมกัน ควรใช้วิธีปรับเปลี่ยนอาหารที่มีจำหน่ายอยู่ให้ดีต่อสุขภาพมากขึ้น อาจเริ่มต้นด้วยการมีเมนูที่ดีต่อสุขภาพร้านละ 1-2 เมนู มีการสำรวจวิเคราะห์เมนูอาหาร นำไปสู่การถ่ายทอดความรู้เรื่องการปรับอาหารให้กับผู้ประกอบอาหารเพื่อลดหวาน มัน เค็ม การเพิ่มผักผลไม้ในอาหารที่จำหน่าย การเลือกใช้น้ำมัน การใช้สมุนไพรแทนเครื่องปรุง ควรให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการดูแลโรงอาหารเข้าร่วมอบรมเพื่อรับทราบการจัดการในภาพรวม การจัดสวัสดิการผักสด หรือน้ำเปล่าให้แก่พนักงาน การจัดทำป้ายรณรงค์และสื่อความรู้ทางด้านโภชนาการ ฯลฯ สำหรับกรณีองค์กรที่ไม่มีโรงอาหาร อาจมีเพียงพื้นที่สำหรับรับประทานอาหารก็สามารถใช้ Healthy Canteen ได้เช่นกัน ทำได้โดยการเชิญวิทยากรมาให้ความรู้เรื่องการสั่งอาหาร การเลือกอาหารและสร้างความตระหนักให้กับพนักงานเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ จัดพื้นที่ในการรับประทานอาหารที่มีสื่อความรู้ การเตรียมสวัสดิการผัก น้ำเปล่า ข้าวไม่ขัดสี แก่ผู้มาใช้บริการพื้นที่รับประทานอาหาร ฯลฯ หลังจากจัดกิจกรรมแล้วควรมีการสำรวจความพึงพอใจทั้งผู้ประกอบอาหารและพนักงานผู้ใช้บริการ เพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุงโครงการ Healthy Canteen ต่อไป
4.Healthy Space
สำหรับการพัฒนาและการปรับพื้นที่ในองค์กรให้เอื้อต่อการเพิ่มกิจกรรมทางกาย และช่วยสานสัมพันธ์พนักงานด้วยกระบวนการมีส่วนร่วม เริ่มโดยการสำรวจข้อมูลความต้องการของพนักงานและต้นทุนพื้นที่ ที่มีอยู่ว่าสามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง จากขั้นตอนของ Healthy Policy พื้นที่อาจหมายถึงพื้นที่ว่าง มุมว่างในอาคาร ลานกว้าง ลานจอดรถ หรือพื้นที่ว่างที่ไม่ได้ใช้งานบางช่วงเวลา บันได ฯลฯ จากนั้นจึงมีดำเนินการวางแผนการพัฒนาพื้นที่นั้นให้สอดคล้องกับพื้นที่และต้นทุนที่มีอยู่ให้เป็นพื้นที่ส่งเสริมสุขภาวะใช้ในการออกกำลังกาย คลายเครียด ดัดแปลง สุดท้ายคือการสำรวจความพึงพอใจพื้นที่ปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นและปรับปรุงให้ดียิ่งขึึ้น
5.Healthy Meeting
การประชุมทั่วไปที่ต้องนั่งนาน ทำให้ขยับตัวได้น้อย รวมถึงอาหารว่างประชุมที่มีพลังงาน ไขมัน และน้ำตาลสูง สามารถนำมาสู่ปัญหาทางสุขภาพได้ สำหรับ Healthy Meeting หรือการประชุมอย่างมีสุขภาพดี คือการปรับรูปแบบ, สถานที่, ห้องประชุม เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสามารถเพิ่มการขยับร่างกาย ในรูปแบบ Active Meeting อาจเป็นการเดิน/ยืนประชุม หรือจัดพื้นที่ประชุมให้มีอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มการขยับ ลดพฤติกรรมเนือยนิ่ง กำหนดระเบียบวาระการประชุมอย่างมีประสิทธิภาพมีความกระชับ มีการหยุดพักประชุมเพื่อยืดเหยียด หรือพักออกกำลังกาย หากมีการประชุมนาน รวมถึงปรับอาหารว่างให้มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น (Healthy Break) ตามหลักการ คุมพลังงาน เพิ่มใยอาหาร จัดโปรตีนใส่จาน ลดปริมาณน้ำตาลและเกลือ โดยกำหนดให้เป็นมาตรฐานการจัดประชุมขององค์กร และสำรวจความพึงพอใจรับฟังข้อเสนอแนะเพื่อการปรับเปลี่ยนให้ปฏิบัติได้อย่างยั่งยืน
6.Healthy Tournament
เป็นการต่อยอดความรู้ด้านสุขภาพ ในรูปแบบกิจกรรมการแข่งขันให้เพื่อความสนุกสนานและสร้างเสริมสุขภาพระหว่างบุคคล เป็นทีม หรือหน่วยงานในองค์กร โดยเน้นในเรื่องการปรับพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อให้มีสุขภาพ, สมรรถภาพร่างกายเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น สามารถพัฒนาจากองค์ประกอบของ Healthy Organization และกำหนดกติกาให้คะแนนสุขภาพ หรือ Healthy Score เพื่อกระตุ้นการเข้าร่วมกิจกรรม เช่น การสะสมคะแนนจากการซื้อผักผลไม้ การสะสมคะแนนจากการใช้บันไดแทนลิฟท์ ฯลฯ หลังจัดการแข่งขันสะสมคะแนนสุขภาพ ควรมีการประเมินความพึงพอใจและสรุปข้อมูลการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพที่เกิดขึ้น
ประโยชน์จากการพัฒนาองค์กรไปสู่การเป็น “Healthy Organization”
-พนักงานในองค์กรมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพ เช่น การรับประทานผักและผลไม้มากขึ้น การเพิ่มการขยับร่างกาย หรือการออกกำลังกาย ส่งผลให้พนักงานในองค์กรสุขภาพดีขึ้น ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และลดความรุนแรงเมื่อมีการติดเชื้อหรือโรคระบาดต่าง ๆ
-ลดวันลาป่วย, ลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องในการดูแลรักษาโรคไม่ติดต่อเรื้อรังให้กับพนักงาน พนักงานมีสุขภาพดี ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
-เกิดความสามัคคีในการร่วมกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพระหว่างหน่วยงาน และระหว่างพนักงานกับผู้บริหาร
-CSR ดีขึ้น สร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่องค์กร ในการดูแลสุขภาพพนักงาน เป็นต้นแบบแก่องค์กรอื่น
-สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้ไปพัฒนาต่อยอดในการสร้างเสริมสุขภาพให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ครอบครัว ชุมชน สังคม ฯลฯ
-สามารถนำแนวคิด Healthy Organization ไปปรับใช้ร่วมกับโครงการดูแลสุขภาพอื่นได้ เนื่องจาก Healthy Organization จะเน้นให้แนวทาง ตัวอย่าง เครื่องมืออำนวยความสะดวก วิธีการเก็บข้อมูลที่จะนำไปใช้วัดผลได้จริง และการจัดตั้งคณะทำงาน แกนนำสุขภาพ สามารถนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติจริงร่วมกับโครงการอื่นได้
สามารถดูตัวอย่างแนวคิด Healthy Organization เพิ่มเติม หรือสมัครเข้าร่วมโครงการได้จาก http://healthy–org.com/content/about_project/89
จะเห็นได้ว่าการดำเนินการตามแนวทาง Healthy Organization ไม่ได้ประโยชน์ในแง่สุขภาพของพนักงานเพียงอย่างเดียว แต่ส่งผลถึงการเพิ่มประสิทธิผลการทำงาน และภาพลักษณ์ขององค์กรด้วย แล้วถ้าหากยังไม่รู้ว่าต้องเริ่มยังไง ให้ทาง Sakid ช่วยวางแผนกิจกรรมได้ เพราะเรามีทั้งการจัด Workshop ด้านสุขภาพ, การจัดแข่งขันสุขภาพผ่าน Sakid application และยังมีจัดทำโรงอาหารสุขภาพ ซึ่งตอบโจทย์ได้ทั้ง 6 องค์ประกอบของ Healthy Organization
บทความที่น่าสนใจ
มารู้จักกับ EAP:โปรแกรมช่วยเหลือพนักงาน ให้คำแนะนำส่วนตัว
คุณรู้สึกเครียด กังวล หรือเหนื่อยล้ากับงานอยู่หรือเปล่า? คุณมีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์หรือปัญหาส่วนตัวอื่นๆ อยู่หรือไม่? หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาเหล่านี้ EAP คือคำตอบของคุณ
EAP ย่อมาจาก Employee Assistance Program หรือโปรแกรมช่วยเหลือพนักงาน เป็นโปรแกรมสวัสดิการที่บริษัทมอบให้พนักงาน เพื่อช่วยให้พนักงานสามารถรับมือกับปัญหาต่างๆ ในชีวิต ทั้งเรื่องงาน ความสัมพันธ์ ปัญหาทางการเงิน หรือปัญหาอื่นๆ ในชีวิตส่วนตัว โดยให้บริการผ่านนักจิตวิทยาให้คำปรึกษาที่เชี่ยวชาญ
Well-being ไม่ใช่แค่ดูแลพนักงาน แต่ขอรับรองมาตรฐานได้ด้วย
ในปัจจุบันองค์กรต่าง ๆ ให้ความสำคัญการดูแลด้าน Well-being หรือสุขภาวะที่ดีของพนักงาน เพราะเล็งเห็นว่าพนักงานเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดขององค์กร ในการดำเนินกิจกรรมให้เป็นไปตามเป้าหมายขององค์กร หากพนักงานมีความสุขก็จะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน และมีความผูกพันต่อองค์กร แต่ทราบหรือไม่ว่านอกจากนี้ยังสามารถขอรับรองมาตรฐานที่เกี่ยวข้องได้หลายมาตรฐาน ซึ่งทำให้มั่นใจว่ากิจกรรมด้าน Well-being ที่จัดให้พนักงานมีความครบถ้วนหรือไม่ เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด และหากองค์กรได้รับรางวัลมาตรฐานเหล่านี้ ยังเป็นการสร้างชื่อเสียงให้แก่องค์กร สร้างภาพลักษณ์ต่อผู้เกี่ยวข้องทั้งพนักงาน ลูกค้า และบุคคลภายนอกในการเป็นองค์ที่มีความใส่ใจพนักงาน
รับมือกับ Brownout Syndrome: เคล็ดลับปลุกไฟในการทำงานอีกครั้ง
คุณรู้สึกท้อแท้ เบื่อหน่าย และสิ้นหวังกับการทำงานอยู่หรือเปล่า? ถ้าเป็นเช่นนั้น คุณไม่ได้เป็นคนเดียวที่เผชิญกับความรู้สึกเหล่านี้ เพราะอาการแบบนี้คือสัญญาณของภาวะ Brownout Syndrome ที่กำลังคุกคามพนักงานออฟฟิศจำนวนมากในปัจจุบัน หากคุณกำลังต่อสู้กับความเหนื่อยล้า ขาดแรงบันดาลใจ และรู้สึกหมดไฟในการทำงาน บทความนี้จะพาคุณทำความรู้จัก Brownout Syndrome ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น พร้อมแนะนำวิธีรับมือและจุดประกายในการทำงานอีกครั้ง เพื่อเป็นแนวทางดูแลสุขภาพจิตของคนทำงานอย่างเรา
10 โรคจากการทำงาน ที่ HR สามารถช่วยป้องกันได้
เพราะพนักงงานคือคนสำคัญที่องค์กรต้องคอยดูแลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ชวนไปดู 10 โรคที่เกิดจากการทำงาน และวิธีการที่แต่ละองค์กรสามารถป้องกันโรคภัยให้กับพนักงานได้
HRIS คืออะไร ทำไมถึงจำเป็นกับการบริหารทรัพยากรบุคคล
HRIS คืออุปกรณ์สำคัญในการช่วยทำให้ HR สามารถทำงานได้อย่างสะดวกขึ้น เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้สามารถตรวจเช็คข้อมูลพนักงานได้อย่างง่ายดาย แต่มันคืออะไรกันล่ะ
เมื่อ ‘น้อยกว่า’ กลายเป็น ‘มากกว่า’: 4 วันทำงานกับผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมาย
คุณรู้สึกว่าการทำงานวันละ 8 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ทำให้คุณหมดแรงและขาดแรงบันดาลใจในการทำงานหรือไม่? คุณไม่ได้เป็นคนเดียวที่รู้สึกเช่นนี้ เพราะงานวิจัยล่าสุดชี้ว่า การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์อาจเป็นคำตอบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และยังช่วยสร้างสมดุลที่ดีระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวให้พนักงานมีความสุขมากยิ่งขึ้น