
Hybrid Working โอกาส ความท้าทาย สำหรับองค์กร
- 12/03/25
หลายปีที่ผ่านมาหลายคนอาจจะได้ยินหรือกำลังมองหางานที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศแต่งานบางประเภทก็ยังจำเป็นที่จะต้องเข้ามาออฟฟิศอยู่ การทำงานแบบ Hybrid Working เป็นการทำงานคนละครึ่งทางที่เริ่มมีความนิยมมากขึ้นในหลายบริษัทและยังมีการดึงดูดพนักงานในการตัดสินใจร่วมทำงานกับบริษัทอีกด้วย ในยุคที่เทคโนโลยีและการสื่อสารพัฒนาอย่างก้าวกระโดด แนวคิดเกี่ยวกับการทำงานก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก หนึ่งในรูปแบบการทำงานที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบันคือ Hybrid Working Model หรือ รูปแบบการทำงานแบบไฮบริด ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการทำงานในสำนักงานและการทำงานจากระยะไกล (Remote Work) – แนวทางนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ยังตอบสนองความต้องการของพนักงานในด้านความยืดหยุ่นและสมดุลชีวิตส่วนตัวอีกด้วย
Hybrid Working Model คืออะไร?
Hybrid Working Model คือระบบการทำงานที่เปิดโอกาสให้พนักงานสามารถเลือกสถานที่ทำงานได้อย่างยืดหยุ่น โดยอาจแบ่งเวลาในการทำงานระหว่าง การทำงานในสำนักงาน (On-site) และ การทำงานจากที่บ้านหรือที่อื่นๆ (Remote Work) เช่น พนักงานอาจเข้ามาทำงานในออฟฟิศสัปดาห์ละ 2-3 วัน และทำงานที่บ้านในวันที่เหลือ รูปแบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับความหลากหลายของความต้องการและลักษณะงานในองค์กร
ข้อดีของการทำงานที่เปิดโอกาสให้พนักงานเลือก
• เพิ่มประสิทธิภาพและความพึงพอใจ พนักงานสามารถเลือกสถานที่และเวลาทำงานที่เหมาะสมกับตัวเอง ซึ่งช่วยให้พวกเขามีสมาธิและสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่
• ลดค่าใช้จ่าย ทั้งองค์กรและพนักงานสามารถลดค่าใช้จ่าย เช่น ค่าเดินทาง ค่าเช่าสำนักงาน หรือค่าใช้จ่ายส่วนตัวในการเดินทางมาทำงาน
• การสนับสนุนสมดุลชีวิตและการทำงาน (Work-Life Balance) การมีเวลาอยู่ที่บ้านมากขึ้นช่วยให้พนักงานสามารถใช้เวลากับครอบครัวหรือทำกิจกรรมส่วนตัวได้ดีขึ้น ลดความเครียดจากการเดินทาง
ประโยชน์ที่องค์กรจะได้รับ
• ลดอัตราการขาดงานและลาออก: พนักงานที่ได้รับการดูแลสุขภาพจิตมักมีความสุขในการทำงาน และมีแนวโน้มที่จะอยู่กับองค์กรนานขึ้น
• เพิ่มความพึงพอใจในการทำงาน: สุขภาพจิตที่ดีช่วยให้พนักงานรู้สึกพึงพอใจในงานและมีแรงจูงใจที่จะพัฒนาตนเอง
• ปรับปรุงภาพลักษณ์องค์กร: บริษัทที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตของพนักงานจะได้รับการมองว่าเป็นองค์กรที่ทันสมัยและใส่ใจบุคลากร
ความท้าทายของ Hybrid Working Model
แม้ Hybrid Working Model จะได้รับการยอมรับในฐานะทางเลือกที่ยืดหยุ่นและตอบโจทย์ยุคสมัย แต่การนำมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพยังคงมีความท้าทายที่ต้องเผชิญ องค์กรและพนักงานจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งอาจนำมาซึ่งปัญหาหลากหลายด้าน ทั้งในเรื่องของการสื่อสาร การบริหารทีม และการรักษาสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงาน
1.การสื่อสารและการประสานงาน
การทำงานระยะไกลอาจทำให้การสื่อสารไม่ราบรื่นเหมือนการพบปะกันในออฟฟิศ องค์กรควรลงทุนในเทคโนโลยีสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เช่น แพลตฟอร์มสำหรับการประชุมออนไลน์ และส่งเสริมการประชุมทีมอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ทุกคนได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน
2.ความรู้สึกโดดเดี่ยว
พนักงานบางคนอาจรู้สึกขาดการมีส่วนร่วมในทีมเมื่อไม่ได้เจอกันแบบตัวต่อตัวสร้างกิจกรรมทีมแบบออนไลน์ เช่น Virtual Coffee Break หรือจัดให้มีวันที่ทุกคนมาพบกันในออฟฟิศเป็นประจำเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงาน
3.การบริหารจัดการผลลัพธ์
ผู้จัดการอาจต้องปรับตัวเพื่อวัดผลการทำงานที่เน้นผลลัพธ์มากกว่าการตรวจสอบกระบวนการ
4.ความปลอดภัยของข้อมูล
การทำงานระยะไกลเพิ่มความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูล เนื่องจากการใช้งานเครือข่ายส่วนตัวและอุปกรณ์ที่หลากหลาย องค์กรควรใช้ระบบความปลอดภัยไซเบอร์ เช่น VPN และการอบรมพนักงานเกี่ยวกับความปลอดภัยทางดิจิทัล

แนวทางการนำ Hybrid Working Model ไปใช้ในองค์กร
• สร้างนโยบายที่ชัดเจน องค์กรควรกำหนดนโยบายเกี่ยวกับวันและเวลาที่ต้องมาทำงานในสำนักงาน รวมถึงข้อกำหนดสำหรับการทำงานจากระยะไกล
• ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม นำเครื่องมือดิจิทัล เช่น ซอฟต์แวร์สำหรับการประชุมออนไลน์ (Zoom, Microsoft Teams) และแพลตฟอร์มการทำงานร่วมกัน (Slack, Monday) มาใช้เพื่อสนับสนุนการทำงาน
• สร้างวัฒนธรรมการทำงานแบบยืดหยุ่น
สนับสนุนให้พนักงานมีอิสระในการจัดการงานของตัวเอง พร้อมทั้งส่งเสริมความไว้วางใจระหว่างทีม
• พัฒนาทักษะผู้จัดการ ผู้จัดการควรพัฒนาทักษะในการบริหารทีมที่กระจายตัวอยู่หลายที่ และเน้นการสร้างความผูกพันของทีม
อนาคตของการทำงานแบบ Hybrid
Hybrid Working Model ไม่ใช่เพียงกระแส แต่เป็นแนวทางที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในโลกของการทำงานยุคใหม่ ซึ่งมุ่งเน้นความยืดหยุ่นและความพึงพอใจของพนักงาน องค์กรที่สามารถปรับตัวและนำระบบนี้ไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ จะมีความได้เปรียบในการดึงดูดและรักษาคนเก่ง รวมถึงสามารถตอบสนองต่อความท้าทายของโลกการทำงานในอนาคตได้อย่างมั่นคง
ในท้ายที่สุด ความสำเร็จของ Hybrid Working Model ขึ้นอยู่กับการสร้างสมดุลระหว่างความต้องการของพนักงานและเป้าหมายขององค์กร การออกแบบระบบที่ยืดหยุ่นแต่มุ่งเน้นผลลัพธ์จะช่วยให้องค์กรก้าวไปข้างหน้าในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ได้อย่างยั่งยืน
การทำงานรูปแบบออนไลน์ก็สามารถจัด Workshop ออนไลน์ตอบโจทย์ไม่ว่าจะเป็นความรู้เรื่องอาหาร สุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพใจ โดยผู้เชี่ยวชาญนักกำหนดอาหาร นักวิทยาศาสตร์การกีฬา นักจิตวิทยา และนักกายภาพ นอกจากนี้ยังมีสวัสดิการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญสุขภาพให้พนักงานแบบส่วนตัว ราคาพิเศษสำหรับบริษัทที่สามารถให้พนักงานพบกับผู้เชี่ยวชาญแบบ 1 ต่อ 1 ออนไลน์ตามปัญหาสุขภาพต่างๆได้อีกด้วย สุดท้ายแข่งขันสุขภาพดีด้วย SAKIDAPP ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สุขภาพดีกันได้ทั้งบริษัท ขอทดลองใช้ฟรี 7วัน
บทความที่น่าสนใจ

จัดการอย่างไร ให้ห่างไกล ความเครียด
หากเราพูดถึงคำว่า “ความเครียด” เรานั้นมักจะนึกถึง และบรรยายความรู้สึกว่าเหมือนถูก “บีบคั้น กดดัน อึดอัด” ทำให้เราใช้ชีวิตได้ไม่เต็มที่เท่าที่ควร โดยที่ความเครียดนั้นจะเป็นภาวะอารมณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อเราต้องเจอกับสถานการณ์ที่รับมือได้ยาก หรือถูกกดดันจากปัจจัยภายนอก จนทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ หรือวิตกกังวลขึ้นมาได้

WORKSHOP แยกไม่ยาก
กิจกรรม “จัดสวนขวด Terrarium”
เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2566 SAKID ได้จัดกิจกรรม Workshop “จัดสวนขวด Terrarium” ให้กับบริษัทเอสพี อินเตอร์แมค โดย Green Terra Station ภายในงานผู้เข้าร่วมได้จัดสวนขวดด้วยตนเอง ได้ทั้งความสนุก และความผ่อนคลาย พร้อมทั้งรับสวนขวดตามแบบฉบับของตนเองกลับไปอีกด้วย
5 วิธีเพิ่มก้าวสำหรับพนักงานออฟฟิศ
สำหรับชาวออฟฟิศที่นั่งทำงานนาน ๆ อยู่แต่กับหน้าจอคอมทำงานไม่ว่าด้วยเหตุผลตารางงานที่แน่นหรือทำงานจนเพลินจนไม่ลุกไปไหน พนักงานจำนวนมากมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ของวันในการนั่งทำงานโดยไม่ลุกเดินหรือยืดเส้นยืดสายอย่างเพียงพอ พฤติกรรมเหล่านี้อาจดูเป็นเรื่องปกติในสังคมปัจจุบัน แต่แท้จริงแล้วกลับสร้างผลกระทบทางสุขภาพอย่างเงียบๆทำให้เกิดผลที่ตามมาทั้งออฟฟิศซินโดม และการทำงานที่ผิดปกติของอวัยวะต่างๆในร่างกาย

Work ต่าง Generation (การทำงานร่วมกันของคนต่างวัย)
เวลาผ่านไป เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว จะทำยังไง ให้การทำงานของคนต่าง generation หรือ แต่ละ gen ในบริษัททำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่มีปัญหา สำหรับบริษัทที่เปิดมาอย่างยาวนาน ก็ต้องย่อมมีคนทำงานเกิน 10 ปี ในระดับหัวหน้าและผู้บริหารระดับสูง ในขณะเดียวกันบริษัทก็ต้องรับคนใหม่เข้ามาเพื่อสานต่อการทำงานของบริษัท

HRIS คืออะไร ทำไมถึงจำเป็นกับการบริหารทรัพยากรบุคคล
HRIS คืออุปกรณ์สำคัญในการช่วยทำให้ HR สามารถทำงานได้อย่างสะดวกขึ้น เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้สามารถตรวจเช็คข้อมูลพนักงานได้อย่างง่ายดาย แต่มันคืออะไรกันล่ะ

แพลตฟอร์ม สื่อสารพูดคุยในบริษัทที่น่าสนใจ
การแยกเรื่องงานออกกจากความเป็นส่วนตัวเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะจำให้เรารู้จัก Work Life Balance เวลาได้เป็นอย่างดี ในการใช้แพลตฟอร์มที่มีความเป็นส่วนตัวมาทำงาน สั่งงาน ตามงาน อาจจะไม่เหมาะสักเท่าไรในบริษัท ส่วนลูกค้าถ้าจะทำให้ติดต่อง่ายอาจจะใช้เป็นช่องทางLine officialของบริษัทในการพูดคุยกับลูกค้าได้ มีเวลาทำการที่ชัดเจนโดยไม่ใช้ไลน์ส่วนตัวในการพูดคุย