
5 หนังสือจิตวิทยา ปลุกพลังความก้าวหน้าในอาชีพ ที่ต้องมีติดโต๊ะทำงาน
- 12/09/24
หากคุณเป็นพนักงานออฟฟิศหรือผู้ที่ทำงานในองค์กร ที่รู้สึกติดอยู่ในวังวนเดิม ๆ ไม่มีความก้าวหน้าหรือความสุขในการทำงาน และต้องการหาแรงบันดาลใจเพื่อพัฒนาตนเองให้ทำงานได้อย่างมีความสุขและประสิทธิภาพมากขึ้น บทความนี้มีหนังสือจิตวิทยาดีๆ 5 เล่มจากผู้เชี่ยวชาญ ที่จะช่วยปลุกพลังและเสริมสร้างศักยภาพในการทำงานของคุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมืออาชีพ หนังสือเหล่านี้จะช่วยให้คุณค้นพบตัวเอง ปลดล็อกความคิด และปรับมุมมองใหม่ในการทำงานและการใช้ชีวิต
กล้าที่จะถูกเกลียด : ปลดล็อกพลังแห่งตัวตนที่แท้จริง
เล่มแรกคือ “กล้าที่จะถูกเกลียด” ผลงานขายดีของคิชิมิ อิชิโร และโคะกะ ฟุมิทะเกะ สองนักเขียนชาวญี่ปุ่น หนังสือเล่มนี้ท้าทายความเชื่อผิดๆ ที่ว่าเราจำเป็นต้องเอาใจคนอื่นเพื่อให้ได้รับการยอมรับ แต่ในความเป็นจริง การกล้าที่จะแสดงความเป็นตัวของตัวเองต่างหากที่จะนำไปสู่ชีวิตที่มีความหมาย ผู้เขียนใช้หลักการปรัชญาของอัลเฟรด แอดเลอร์ นักจิตวิทยาชาวออสเตรีย ที่เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีเป้าหมายในชีวิตและมีแรงผลักดันที่จะเอาชนะความรู้สึกด้อยค่าเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้น แอดเลอร์มองว่าปมด้อยไม่ได้เกิดจากประสบการณ์ในอดีต แต่เกิดจากมุมมองที่เรามีต่อตัวเองในปัจจุบันต่างหาก ดังนั้น เราจึงมีอิสระที่จะเลือกวิธีตีความเรื่องราวต่างๆ และสร้างชีวิตของเราเองได้ ไม่จำเป็นต้องตกเป็นเหยื่อของโชคชะตา ถ้าเราปรับความคิดและเชื่อมั่นในตัวเอง เราก็จะสามารถเอาชนะความกลัวและอุปสรรคต่างๆ ได้ (Kishimi & Koga, 2013)
ดังนั้น หากเราเปลี่ยนมุมมองใหม่และเชื่อมั่นในตัวเอง เราจะสามารถก้าวข้ามความกลัวการถูกปฏิเสธไปได้ แนวคิดนี้จะช่วยให้คนทำงานรุ่นใหม่กล้าแสดงความคิดเห็นและความสามารถอย่างเต็มที่ โดยไม่หวั่นกับคำวิจารณ์
ชีวิตติดปีก ด้วยศิลปะแห่งการ “ช่างแม่ง” (The Subtle Art of Not Giving a F*ck): ศิลปะการปล่อยวางเพื่อชีวิตที่มีคุณค่า
ต่อมาคือ “The Subtle Art of Not Giving a F*ck” โดย Mark Manson หนังสือขายดีอันดับหนึ่งของ New York Times ที่ชวนให้เราทบทวนว่าสิ่งใดบ้างที่เราควรใส่ใจ และสิ่งใดบ้างที่ควรปล่อยผ่าน Manson โต้แย้งกับกระแสคิดบวกจนเกินเหตุในปัจจุบัน เขาชี้ว่าชีวิตนั้นไม่ได้สมบูรณ์แบบ มันเต็มไปด้วยปัญหาที่ต้องเผชิญ ดังนั้น แทนที่จะหลีกหนีปัญหา เราควรเลือกสู้กับปัญหาที่คุ้มค่า และทุ่มเทพลังไปกับเรื่องที่สำคัญต่อเรามากที่สุด ไม่ใช่สิ่งที่สังคมกำหนด การรู้จักปล่อยวางในบางครั้งนั้นช่วยให้จิตใจเราสงบและมีสมาธิมากขึ้น(Manson, 2016) พนักงานที่เครียดกับการตอบสนองความคาดหวังของผู้อื่นจนลืมใส่ใจความต้องการของตัวเองจึงควรลองนำคำแนะนำจากเล่มนี้ไปปรับใช้
ศิลปะการอยู่ร่วมกับคนเฮงซวย (The Asshole Survival Guide): คู่มือรับมือเพื่อนร่วมงานที่ท้าทาย
เล่มที่สามคือ “The Asshole Survival Guide” โดย Robert Sutton ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาองค์การ ซึ่งให้ข้อคิดว่าในที่ทำงาน เราอาจต้องเผชิญกับเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ก่อให้เกิดความเครียดและความหงุดหงิด Sutton แนะนำว่าการทำความเข้าใจพฤติกรรมของบุคคลเหล่านี้ และการวางขอบเขตที่เหมาะสมในการรับมือ จะช่วยให้เราสามารถจัดการกับสถานการณ์ได้อย่างมืออาชีพมากขึ้น เทคนิคเหล่านี้ได้แก่ การรักษาระยะห่างทางอารมณ์ การโต้ตอบด้วยคำพูดที่ชาญฉลาดและตรงประเด็นแต่ไม่ก้าวร้าว รวมถึงการให้รางวัลตนเองเมื่อผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบาก (Sutton, 2017) หนังสือเล่มนี้นำเสนอกลยุทธ์ที่เป็นประโยชน์ในการรับมือกับบุคคลที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในที่ทำงาน ซึ่งถือเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับทุกคน
อำนาจ: กูฏทอง 48 ประการของการสร้างอำนาจที่คุณไม่อาจปฏิเสธ (The 48 Laws of Power): อำนาจและอิทธิพล คู่มือสร้างความสำเร็จ
หนังสือคลาสสิกของ Robert Greene ที่เจาะลึกถึงกลยุทธ์ในการสร้างอำนาจและอิทธิพลเหนือผู้อื่น ตั้งแต่การสร้างภาพลักษณ์ การใช้จุดอ่อนของคู่แข่ง ไปจนถึงการบังคับใช้กฎระเบียบอย่างชาญฉลาด Greene เชื่อว่าทุกคนล้วนปรารถนาอำนาจ หากเราเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์และเรียนรู้ที่จะควบคุมสถานการณ์ เราจะสามารถบรรลุเป้าหมายในชีวิตได้ง่ายขึ้น(Greene, 1998) แม้ว่าคำแนะนำบางอย่างในเล่มอาจดูโหดร้ายและอันตราย แต่เราสามารถประยุกต์ใช้หลักการกว้างๆ อย่างชาญฉลาดและมีจริยธรรมได้ เช่น การแสดงออกอย่างมั่นใจ การคิดเผื่อไว้ก่อนเสมอ การสานสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานและหัวหน้า ซึ่งเป็นพื้นฐานของการทำงานอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ (หนังสือเล่มนี้แปลไทยค่อนข้างหายากเนื่องจากตีพิมพ์มานานแล้ว ส่วนภาษาอังกฤษมีจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไป)
ออริจินอลส์ เพราะความเหมือน ไม่เคยเปลี่ยนโลก (Originals: How Non-Conformists Move the World): สร้างนวัตกรรมด้วยความคิดนอกกรอบ
เล่มสุดท้ายที่อยากแนะนำเพิ่มเติมคือ “Originals” ผลงานของ Adam Grant นักจิตวิทยาองค์การชื่อดังจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย หนังสือเล่มนี้ชี้ให้เห็นว่าคนที่กล้าคิดต่าง กล้าท้าทายสถานะเดิม และมีความคิดสร้างสรรค์นอกกรอบ คือกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนโลกและองค์กรให้ก้าวหน้า Grant ยกตัวอย่างจากบุคคลสำคัญอย่าง Martin Luther King Jr., Steve Jobs หรือ Elon Musk ที่ล้วนแล้วแต่เป็น “ต้นฉบับ” ที่มีวิธีคิดและการกระทำที่แตกต่าง แต่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับสังคม เขาอธิบายกลยุทธ์ต่างๆ ในการนำเสนอไอเดียใหม่ การชักชวนผู้อื่นเข้าร่วม และรับมือกับแรงต่อต้านที่อาจเกิดขึ้น(Grant, 2016) แนวคิดนี้จะช่วยกระตุ้นให้พนักงานกล้าเสนอความคิดเห็นที่แหวกแนวมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่นวัตกรรมหรือวิธีการใหม่ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อองค์กร
หนังสือจิตวิทยาทั้ง 5 เล่มที่แนะนำมานี้ จะช่วยเสริมทักษะที่สำคัญในการทำงานยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตนเอง (กล้าที่จะถูกเกลียด), การจัดลำดับความสำคัญของปัญหา (The Subtle Art of Not Giving a F*ck), ศิลปะการรับมือกับบุคคลที่ท้าทายในออฟฟิศ (The Asshole Survival Guide), การสร้างอิทธิพลและภาวะผู้นำ (The 48 Laws of Power), และการคิดนอกกรอบเพื่อสร้างนวัตกรรม (Originals) การนำหลักการเหล่านี้ไปปรับใช้อย่างผสมผสานและสอดคล้องกับบริบทขององค์กร จะช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความสุข และพร้อมที่จะเติบโตไปพร้อมๆ กับองค์กร
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือเราต้องมีวินัยในการฝึกฝนและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมองหาคำแนะนำจากผู้รู้เพื่อให้สามารถนำองค์ความรู้ต่างๆ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากสนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหนังสือหรือต้องการคำปรึกษาด้านจิตวิทยาในการทำงาน SAKID เรายินดีให้บริการ รวมทั้งมีกิจกรรม Workshop เพื่อสร้างเสริมความเข้าใจให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้คุณและองค์กรประสบความสำเร็จร่วมกัน
References:
Grant, A. (2016). Originals: How non-conformists move the world. Viking.
Greene, R. (1998). The 48 laws of power. Penguin Books.
Kishimi, I., & Koga, F. (2013). Kirawareru yūki [The Courage to Be Disliked]. Shinchosha.
Manson, M. (2016). The subtle art of not giving a f*ck: A counterintuitive approach to living a good life. HarperCollins Publishers.
Sutton, R. I. (2017). The asshole survival guide: How to deal with people who treat you like dirt. Houghton Mifflin Harcourt Publishing.
บทความที่น่าสนใจ

เมื่อพนักงานสูญเสีย Passion ในงาน: วิธีจุดประกายแรงบันดาลใจในที่ทำงานอีกครั้ง
โดยทั่วไปหมายถึงแรงผลักดันอย่างแรงกล้าที่ทำให้เรามุ่งมั่นและเต็มใจอุทิศตนให้กับกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งอย่างต่อเนื่องและทำอย่างเต็มกำลังความสามารถ (Vallerand, 2015) โดย Passion ในการทำงาน (Work passion) คือ สภาวะทางจิตใจที่บุคคลรู้สึกกระตือรือร้น ยินดี และเต็มใจที่จะอุทิศเวลา พลังกาย พลังใจ ให้กับการทำงาน จนรู้สึกว่างานเป็นส่วนหนึ่งที่มีคุณค่าในชีวิต (Vallerand et al., 2003) และในทางจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การแบ่ง passion ออกเป็น 2 ประเภท คือ harmonious passion และ obsessive passion

Healthy Green Canteen โรงอาหารปลอดภัย อร่อย สะอาด สุขภาพดี
Snack bar สำหรับพนักงาน เป็นสวัสดิการที่ช่วยเพิ่มปฏิสัมพันธ์ และ ประสิทธิภาพการทำงานได้ แต่ควรเลือกอาหารที่เหมาะสม เช่น ผลไม้ นม แครกเกอร์ หรือ อาหารที่มีพลังงานน้อย เพื่อช่วยให้พนักงานมีสุขภาพที่ดีด้วยนั่นเอง

WORKSHOP ดูแลสุขภาพการกิน กับ SAKID
กิจกรรม ดูแลสุขภาพการกิน กับ SAKID
วันที่ 9 พฤษภาคม 2567 SAKID ได้จัดกิจกรรม ดูแลสุขภาพการกิน กับ SAKID ที่สำนักงาน AOT โดยได้ไปออกบูธให้เล่นเกมทายแคลอรี่ในอาหารพร้อมแจกสายวัดรอบเอวน้องสะกิด และได้ให้คำแนะนำด้านโภชนาการส่วนบุคคล โดยการให้ความรู้ในการเลือกกินอาหารในแต่ละมื้อและการจัดสมดุลการกินให้เหมาะสมกับร่างกายตัวเอง

10 โรคจากการทำงาน ที่ HR สามารถช่วยป้องกันได้
เพราะพนักงงานคือคนสำคัญที่องค์กรต้องคอยดูแลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ชวนไปดู 10 โรคที่เกิดจากการทำงาน และวิธีการที่แต่ละองค์กรสามารถป้องกันโรคภัยให้กับพนักงานได้

Workshop เริ่มต้นสุขภาพดีทำได้ทุกวัน #workshop3อ #อาหาร
ดูแลสุขภาพพนักงาน ด้วยการให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง เรื่องอาหารการกิน , Workshop การกิน , Health talk update ความรู้ ด้านโภชนาการ หรือ Cooking class โดยนักกำหนดอาหารวิชาชีพที่มีประสบการณ์ ตัวอย่างหัวข้อ WORKSHOP ขอใบเสนอราคา วัตถุประสงค์ 🟠 เข้าใจและรู้หลักการในการเลือกกินประเภทไขมันให้ดีต่อสุขภาพ

สร้างสวัสดิการให้กับพนักงานยังไงให้ครอบคลุมด้านสุขภาพ
สวัสดิการบริษัท ไม่ได้หมายถึงเพียงโบนัสหรือวันลาพักร้อนอีกต่อไป แต่ต้องครอบคลุมไปถึง สุขภาพกายและใจของพนักงาน เพราะสุขภาพคือรากฐานของการทำงานที่มีประสิทธิภาพ หากองค์กรมีการดูแลพนักงานตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงการส่งเสริมสุขภาวะ จะช่วยให้พนักงาน ทำงานได้ดีขึ้น รู้สึกผูกพัน และลดโอกาสลาออก ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข (2022) ระบุว่า การลงทุนใน สวัสดิการพนักงาน ด้านสุขภาพเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่คุ้มค่าในระยะยาว ไม่ใช่แค่ค่าใช้จ่าย