ทำไมบริษัทควรมีโปรแกรมดูแลสุขภาพพนักงาน
- 15/06/21
โรคไม่ติดต่อเรื้อรังทําให้ประสิทธิภาพในการทํางานลดลง
จากที่ผ่านมาส่วนใหญ่เราได้อยู่ในช่วงเวลาการลดดวามเสี่ยงการติดไวรัสโควิท-19 (COVID-19) ด้วยการ ปฏิบัติงานอยู่ที่บ้าน (Work from home) อาจทำให้หลายคนเริ่มมีความสนใจในการดูแลรักษาสุขภาพตนเองเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากเรื่องการดูแลรักษา สุขภาพให้ปลอดภัยจากการติดไวรัสโควิท-19 (COVID-19) แล้วการรักษาตนเองให้ปลอดภัยจากโรคไติดต่อเรื้อรังชนิดตาง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรดไขมันในเลือดสูง โรดหัวใจ โรดเบาหวาน ก็ยังเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยสำคัญ ที่ควรดูแลจากการรับประทานอาหารที่ดี เพิ่มการออกกำลังกาย รวมถึงรักษาสภาพจิตใจไว้ตลอดเวลา โรคไม่ติดต่อเรื้อรังเหล่านี้ทำให้คนวัยทำงานส่วนใหญ่มีโอกาสเสี่ยงที่จะสูญเสียใช้จ่ายจากการรักษาสุขภาพในอนาคต และยังมีโอกาสทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของคนวัยทำงานลดลงได้สูงถึง 73 วันต่อปีเลยทีเดียวครับ การเจ็บป่วยที่เพิ่มขึ้นจากการไม่ดูแลรักษาสุขภาพของพนักงานสามารถส่งผลต่อองค์กรได้อย่างไม่คาดคิด ดังนั้นการจัด โปรแกรมดูแลสุขภาพพนักงานควรคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการไช้ชีวิตประจำวันของพนักงานได้
4 เหตุผลทําไมองค์กรถึงควรมีโปรแกรมการดูแลสุขภาพพนักงานครบวงจร
1. โปรแกรมดูแลสุขภาพพนักงานทำให้คุณภาพชีวิตของพนักงานดียิ่งขึ้น
แก่นหลักของการจัดการโปรแกรมดูแลสุขภาพพนักงานของอีทเวลล์คอนเซปต์คือการเปลี่ยนแปลงให้เกิดพฤติกรรมรักษาสุขภาพ ด้วยการให้ความรู้ที่ถูกต้อง การส่งเสริมให้เกิดทักษะการใช้ชีวิต และ การกระตุ้นให้มีกำลังใจด้วยการสร้างสังคมในที่ทำงานให้เกิดความตระหนักถึงการดูแลด้านสุขภาพ ปัจจัยเหล่นี้เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบในระยะยาวต่อพฤติกรรมของพนักงาน จากการศึกษา
ติดตามพนักงานที่เข้าร่วมโปรแกรมการดูแลสุขภาพพนักงนในต่งประเทศในช่วงระยะเวลา 1 ถึง 2 ปี ที่องค์กรเข้าร่วมโปรแกรม
ส่งเสริมสุขภาพพนักงานนั้นทำให้คุณภาพชีวิตของพนักงานดียิ่งขึ้น อีกทั้งปัจจัยที่สำคัญที่สุดคืการรักษาให้พฤติกรรมที่พนักงาน
เปลี่ยนแปลงไปคงอยู่ได้นานที่สุด ซึ่งการจะทำให้พฤติกรรมเหล่านี้เกิดการเปลี่ยนแปลงต้องอาศัยหลายองค์ประกอบเข้าร่วมด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการปรับสภาพแวดล้อมในการทำงาน การให้ความรู้และก่อให้เกิดความตระหนัก การสร้างแรงจูงใจต่าง ๆ ให้เกิดขึ้นภายในองค์กร
2. โปรแกรมดูแลสุขภาพพนักงานช่วยลดความเสี่ยงด้านสุขภาพ
โดยพื้นฐานแล้วโปรแกรมการดูแลสุขภาพพนักงานที่ดีควรอยู่บนพื้นฐานของหลักการวิชาการที่ประกอบด้วยการทำงานอย่าง
สหสาขาวิชาชีพ ซึ่งนำเอาหลักการต่าง ๆ มาผนวกรวมเพื่อช่วยให้พนักงานมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น โดยตัวอย่างปัจจัยที่ส่งผลสียต่อสุขภาพของพนักงานเช่น น้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ คอเลสเตอรอลเพิ่มขึ้น หรือ ความดันโลหิตสูงขึ้น เป็นต้น ปัจจัยเหล่านี้แม้เป็นปัจจัยภายในร่างกาย แต่กลับส่งผกระทบต่อลุขภาพของพนักงานโดยรวมอย่างไม่นำเชื่อครับ จากงานวิจัยในวารสาร The New England Journal Of Medicine พบว่าการลดคอเลสเตอรอลลงทุก ๆ 1% หรือ การลดความดันโลหิตลงได้ทุก ๆ 1 Mmhg จะสามารถช่วยลดการเกิดโรคหัวใจ หรือภาวะหัวใจวายเฉียบพลันได้ถึง 2 – 3% เลยทีเดียว ประกอบกับ The American Heart Association ได้กล่าวว่า การส่งเสริมให้มีโปรแกรมการดูแลสุขภาพพนักงานช่วยทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น และ ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้อีกด้วย
3.โปรแกรมดูแลสุขภาพพนักงานช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในองค์กร
ความคุ้มค่าของการใช้จ่ายงบประมาณองค์กร เพื่อจัดโปรแกรมการดูแลสุขภาพพนักงานครบวงจร ในการศึกษางานวิจัยกว่า 100 ฉบับพบว่าความสามารถในการประหยัดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของพนักงานขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพและผลลัพธ์ของโปรแกรมการดูแลสุขภาพพนักงาน เพียงการอบรมด้านการรักษาสุขภาพ การจัดกิจกรรมกีฬาสีประจำปีเพื่อส่งเสริมสุขภาพ หรือ การตรวจสุขภาพประจำปีอาจไม่เพียงพอต่อการทำให้ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของพนักงานลดลง
การจัดโปรแกรมดูแลสุขภาพพนักงานอย่างแบบครบวงจรที่ดูแลสุขภาพแบบองค์รวมทั้งด้านการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย การจัดการสภาพจิตใจ ในระยะยาวจะช่วยให้องค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพได้มากกว่า ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดด้านความคุ้มค่าในการลงทุนโปรแกรมดูแลสุขภาพพนักงานพบว่าสามารถช่วยบริษัทได้ผลตอบแทนจากการลงทุนด้านสุขภาพพนักงานกลับมา 327% เลยทีเดียวครับ
4. โปรแกรมดูแลสุขภาพพนักงานเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน
ประสิทธิภาพการมทำงาน (Productivity) ในมุมมองของผู้บริหารหลายท่านจะสอดคล้องกับประสิทธิภาพด้านการสร้างรายได้ให้แก่บริษัท เนื่องจากยิ่งพนักงานสามารถทำงานได้ในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นจะทำให้รายได้และกำไรของบริษัทเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย การศึกษาจาก The journal Population Health management พบข้อมูลที่น่าสนใจว่าพฤติกรรมการทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ และ ไม่ออกกำลังกายสามารถทำให้เกิดการทำงานอย่างไม่เต็มประสิทธิภาพได้สูงถึง 66% และ 50% ทั้งนี้ในสภาพของการทำงานในปัจจุบันพนักงานแม้มาทำงานในที่ทำงานจริงก็อาจไม่ได้ทำงานได้เต็มที่อย่างที่ผู้บริหารคาดหวังไว้เนื่องมาจากปัจจัยรบกวนมากมายจากปัญหาด้านสุขภาพ ภาวะหมดไฟในที่ทำงาน ทำให้ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายของบริษัทมากกว่า 2 ใน 3 เท่าของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพปกติ ปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดการทำงานอย่างไม่เต็มประสิทธิภาพของพนักงาน เช่นการพูดคุยที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงาน การใช้สื่อโซเชียลต่าง ๆ เช่น Facebook, Instagram เป็นประจำ
ดังนั้นการเริ่มจัดโปรแกรมดูแลสุขภาพพนักงานแบบครบวงจรในบริษัทจะช่วยให้ท่านประสบความสำเร็จในการดูแลสุขภาพพนักงานในองค์กรได้เป็นอย่างดี สามารถทำให้พนักงานดึงศักยภาพการทำงานออกมาได้อย่างเต็มที่ที่สุด เพื่อให้สมกับที่บริษัทลงทุนไปกับทรัพยากรบุคคลและอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมศักยภาพของการทำงานเช่นบริษัทเดียวกับบริษัทของคุณ
บทความที่น่าสนใจ
WORKSHOP การใช้อาหารรักษาภาวะคลอเลสเตอรอล (ลดไขมันด้วยอาหาร)
กิจกรรม “การใช้อาหารรักษาภาวะคลอเลสเตอรอล”
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2566 SAKID ได้จัดกิจกรรม Workshop “การใช้อาหารรักษาภาวะคลอเลสเตอรอล” โดยนักกำหนดอาหารที่ให้ความรู้และความเข้าใจเรื่องอาหารสำหรับคนที่เสียงคลอเรสเตอรอลสูง และผู้ที่เป็นอยู่แล้ว ว่ามีอาหารประเภทไหนบ้าง ที่ควรกินและไม่ควรกิน การเลือกอาหารและการปรับพฤติกรรมการกินให้เหมาะสม
สูตรลับสวัสดิการ ทุกบริษัททำได้ เพื่อดึงดูดและรักษาพนักงานคนเก่ง
คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมบริษัทชั้นนำหลายแห่งจึงให้ความสำคัญกับสวัสดิการพนักงานเป็นอย่างมาก? ความจริงก็คือ สวัสดิการที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีความสามารถเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิตโดยรวมขององค์กรอีกด้วย การลงทุนในความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานส่งผลโดยตรงต่อผลกำไรของบริษัท จากการลดต้นทุนด้านสุขภาพ เพิ่มความพึงพอใจในการทำงาน และส่งเสริมความผูกพันของพนักงาน
7 วิธีสร้างทีมเวิร์ค(Team building) ให้แข็งแกร่ง พร้อมพิชิตเป้าหมายองค์กร
คุณเคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางทีมถึงทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น สามารถสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยม และบรรลุเป้าหมายได้อย่างต่อเนื่อง คำตอบก็คือพวกเขามีการสร้างทีมเวิร์คที่เข้มแข็งนั่นเอง การมีทีมงานที่แข็งแกร่ง สามัคคี และทำงานร่วมกันได้ดี ถือเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จในการทำงานและการเติบโตขององค์กร (Salas et al., 2015)
WORKSHOP กินอยู่อย่างไร ห่างไกล NCDs
กิจกรรม กินอยู่อย่างไร ห่างไกล NCDs
วันที่ 26 สิงหาคม 2567 SAKID ได้จัดกิจกรรม กินอยู่อย่างไรห่างไกลโรคNCDs กับ SAKID ที่บริษัท ทาทาสตีล (การผลิต) จ.สระบุรี โดยจะมีกิจกรรมวัดองค์ประกอบร่างกาย และWorkshop เกี่ยวกับการเลือกอาหารในชีวิตประจำวันโดยจะเน้นไปที่การลดน้ำหนักและไขมันในเลือด ให้พนักงานได้นำไปใช้ได้จริง การอ่านฉลากแบบง่ายๆ การเลือกกินอาหารแบบ 2-1-1 เน้นโปรตีนและผัก การเลือกกินคาร์โบไฮเดรตในสัดส่วนที่ถูกต้อง เพื่อรักษาการกินที่สมดุลให้เหมาะกับสภาวะร่างกายของแต่คนให้ถูกต้อง
รับมือกับ Brownout Syndrome: เคล็ดลับปลุกไฟในการทำงานอีกครั้ง
คุณรู้สึกท้อแท้ เบื่อหน่าย และสิ้นหวังกับการทำงานอยู่หรือเปล่า? ถ้าเป็นเช่นนั้น คุณไม่ได้เป็นคนเดียวที่เผชิญกับความรู้สึกเหล่านี้ เพราะอาการแบบนี้คือสัญญาณของภาวะ Brownout Syndrome ที่กำลังคุกคามพนักงานออฟฟิศจำนวนมากในปัจจุบัน หากคุณกำลังต่อสู้กับความเหนื่อยล้า ขาดแรงบันดาลใจ และรู้สึกหมดไฟในการทำงาน บทความนี้จะพาคุณทำความรู้จัก Brownout Syndrome ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น พร้อมแนะนำวิธีรับมือและจุดประกายในการทำงานอีกครั้ง เพื่อเป็นแนวทางดูแลสุขภาพจิตของคนทำงานอย่างเรา
HR tech Thailand 2023
กิจกรรมออกบูธ HR tech Thailand 2023
วันที่ 14-15 มิถุนายน 25656 SAKID ได้ออกบูธประชาสัมพันธ์แอพลิเคชั่น “สะกิด” ในงาน HR Tech เพื่อแนะนำให้รู้จักกับแอพว่าใช้ออกแบบกิจกรรมสุขภาพอย่างไร และเปิดให้ทดลองใช้ ฟรี 7 วัน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสำหรับองค์กรที่ถ่ายรูปคู่น้องสะกิดลุ้นรับ Workshop นักกำหนดอาหารฟรี 1ชม. ได้ทั้งความรู้สุขภาพและภารกิจสุขภาพดีสนุก ๆ จาก สะกิดกันได้เลย