
7 สัญญาณพนักงานไม่แฮปปี้ที่ไม่ควรมองข้าม
- 31/07/24
ความสุขในที่ทำงานเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพและความสำเร็จขององค์กร แต่เมื่อพนักงานเริ่มขาดรอยยิ้มในการทำงาน ผลกระทบด้านลบที่ตามมาอาจสร้างความเสียหายให้กับผลการดำเนินงานได้อย่างมหาศาล บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ 7 สัญญาณอันตรายที่บ่งบอกถึงความไม่แฮปปี้ของพนักงานในองค์กร ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม พร้อมแนะนำวิธีการช่วยเหลือและจัดการกับปัญหาเหล่านี้ เพื่อส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานที่เปี่ยมไปด้วยความสุข และนำพาองค์กรสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน
7 สัญญาณพนักงานไม่แฮปปี้
- แสดงความไม่พอใจหรือบ่นเกี่ยวกับงานบ่อยครั้ง
เมื่อพนักงานเริ่มแสดงความไม่พอใจ ไม่ว่าจะเป็นการบ่นหรือวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับงาน เพื่อนร่วมงาน หัวหน้า หรือบริษัทอยู่บ่อยๆ นั่นเป็นสัญญาณเตือนอย่างหนึ่งว่าพวกเขากำลังรู้สึกไม่มีความสุขและอาจกำลังคิดที่จะลาออกในอนาคตอันใกล้ (Branham, 2012) โดยเฉพาะหากความถี่หรือความรุนแรงของการแสดงความไม่พอใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้บริหารควรใส่ใจและรีบหาทางพูดคุยกับพนักงานเพื่อทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือแก้ไขอย่างเหมาะสม ก่อนที่พนักงานจะตัดสินใจลาออกไปจริงๆ
- ผลงานตกต่ำ
เมื่อพนักงานไม่มีแรงจูงใจหรือขาดความกระตือรือร้นในการทำงาน ผลงานของพวกเขาก็มักจะตกต่ำตามไปด้วย พนักงานอาจจะเริ่มผลัดวันประกันพรุ่ง ส่งงานไม่ทันเวลา หรือทำผิดพลาดบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงปัญหาความไม่แฮปปี้ของพนักงาน (Jex & Britt, 2014)
- ขาดงานบ่อย
ปัญหาการขาดงานบ่อยของพนักงานเป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพนักงานมีอัตราการขาดงานที่สูงผิดปกติ นั่นอาจหมายความว่าพวกเขากำลังหลีกเลี่ยงที่จะมาทำงาน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลด้านสุขภาพจิตหรือไม่พอใจในงานก็ตาม (Johns, 2008)
- มีทัศนคติในแง่ลบ
เมื่อพนักงานแสดงทัศนคติเชิงลบ เช่น บ่นหรือวิพากษ์วิจารณ์บริษัท เพื่อนร่วมงาน หรือลูกค้าอยู่บ่อยๆ แสดงว่าพวกเขากำลังมีความไม่พอใจหรือไม่มีความสุขกับบางสิ่งบางอย่างในที่ทำงาน ทัศนคติที่เป็นลบเช่นนี้อาจแพร่กระจายไปยังพนักงานคนอื่นๆ และสร้างบรรยากาศที่ไม่ดีในที่ทำงานได้ (Robbins & Judge, 2018)
- ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง
เมื่อองค์กรมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เช่น การปรับโครงสร้างองค์กร การเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงาน หรือการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ หากพนักงานแสดงท่าทีต่อต้านหรือไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าพวกเขากำลังรู้สึกไม่ปลอดภัยหรือหวาดกลัวผลกระทบที่จะเกิดขึ้น (Oreg, 2003)
- แยกตัวหรือไม่มีส่วนร่วม
หากพนักงานที่เคยมีส่วนร่วมในกิจกรรมหรือการประชุมต่างๆ ขององค์กรเริ่มแยกตัว ไม่ยอมเข้าร่วมกิจกรรม หรือไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าพวกเขากำลังรู้สึกไม่มีส่วนร่วมหรือไม่มีความผูกพันกับองค์กรอีกต่อไป (Macey & Schneider, 2008)
- แสดงอาการเครียดหรือหมดไฟในการทำงาน
พนักงานที่แสดงอาการเครียด วิตกกังวล หรือหมดไฟในการทำงาน อาจส่งสัญญาณออกมาผ่านทางร่างกาย เช่น ง่วงนอนบ่อย ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย หรือมีอารมณ์แปรปรวน สิ่งเหล่านี้บ่งชี้ว่ากำลังเผชิญความเครียดสะสมจากที่ทำงาน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้พนักงานไม่มีความสุข (O’Driscoll & Cooper, 2002)
หากคุณสังเกตเห็นสัญญาณเตือนเหล่านี้เกิดขึ้นในหมู่พนักงานของคุณ สิ่งสำคัญคือต้องให้ความสนใจและลงมือแก้ไขอย่างทันท่วงที หาโอกาสพูดคุยกับพนักงานเพื่อทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา
การสื่อสารและรับฟังปัญหาของพนักงาน รวมถึงการให้ความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาเหล่านั้นอย่างจริงใจ เช่น การปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานและเพิ่มสวัสดิการ ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้พนักงานรู้สึกว่าได้รับการดูแลและเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มความผูกพันของพนักงานและป้องกันไม่ให้ปัญหารุนแรงมากขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอย่างที่ปรึกษาด้านจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ สามารถช่วยให้คุณวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงของปัญหา พร้อมวางแผนกลยุทธ์เพื่อแก้ไขและป้องกันปัญหาอย่างเป็นระบบ
การปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงาน การพัฒนาสวัสดิการ และการส่งเสริมการสื่อสารระหว่างผู้บริหารและพนักงาน ผ่านคำแนะนำจากทีมที่ปรึกษามืออาชีพด้านจิตวิทยาองค์กรจาก SAKID application จะนำไปสู่การสร้างความผูกพันและความสุขในการทำงาน ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลประกอบการและการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กรในระยะยาว หรือเริ่มจากจัดกิจกรรม Workshop การจัดการความเครียด หรือสร้างสมดุลชีวิต เพื่อให้ได้สำรวจตนเอง และแนวทางการจัดการ หรือสวัสดิการปรึกษานักจิตวิทยาเป็นรายบุคคล เพื่อให้ได้ระบายความรู้สึก มีคนคอยรับฟังอย่างเข้าใจ ก็เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
โดยสรุป 7 สัญญาณอันตรายของพนักงานที่ไม่มีความสุขที่ทุกองค์กรไม่ควรมองข้าม ได้แก่ การแสดงความไม่พอใจบ่อยครั้ง ผลงานตกต่ำ ขาดงานบ่อย มีทัศนคติด้านลบ ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง แยกตัวและไม่มีส่วนร่วม รวมถึงมีอาการเครียดและหมดไฟในการทำงาน หากองค์กรสังเกตเห็นสัญญาณเหล่านี้ สิ่งสำคัญคือต้องรีบหาทางแก้ไข ด้วยการสื่อสารและรับฟังพนักงาน พร้อมปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานและสวัสดิการ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างความผูกพันและความสุขให้กับพนักงาน และส่งผลดีต่อความสำเร็จขององค์กรในระยะยาว
References:
Branham, L. (2012). The 7 hidden reasons employees leave: How to recognize the subtle signs and act before it’s too late (2nd ed.). AMACOM.
Jex, S. M., & Britt, T. W. (2014). Organizational psychology: A scientist-practitioner approach (3rd ed.). Wiley.
Johns, G. (2008). Absenteeism or presenteeism? Attendance dynamics and employee well-being. In S. Cartwright & C. L. Cooper (Eds.), The Oxford handbook of organizational well-being (pp. 7-30). Oxford University Press.
Macey, W. H., & Schneider, B. (2008). The meaning of employee engagement. Industrial and Organizational Psychology, 1(1), 3-30.
O’Driscoll, M. P., & Cooper, C. L. (2002). Job-related stress and burnout. In P. Warr (Ed.), Psychology at work (pp. 203-228). Penguin.
Oreg, S. (2003). Resistance to change: Developing an individual differences measure. Journal of Applied Psychology, 88(4), 680-693.
Robbins, S. P., & Judge, T. A. (2018). Organizational behavior (18th ed.). Pearson
บทความที่น่าสนใจ

WORKSHOP สวนขวดจิ๋ว
กิจกรรม “จัดสวนขวด Terrarium”
เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2566 SAKID ได้จัดกิจกรรม Workshop “จัดสวนขวด Terrarium” ให้กับบริษัทเอสพี อินเตอร์แมค โดย Green Terra Station ภายในงานผู้เข้าร่วมได้จัดสวนขวดด้วยตนเอง ได้ทั้งความสนุก และความผ่อนคลาย พร้อมทั้งรับสวนขวดตามแบบฉบับของตนเองกลับไปอีกด้วย

ทำอย่างไร เมื่อคนในองค์กรน้ำหนักเกิน
ปัจจุบันในประเทศไทยพบว่าแนวโน้มภาวะ น้ำหนักเกิน และ ภาวะอ้วนเพิ่งสูงขึ้น ซึ่งสาเหตุที่สำคัญอย่างหนึ่งเกิดจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่เปลี่ยนแปลงไป ร่วมกับ activity ที่ลดลง เป็นตัวส่งเสริมให้เรามีความเสี่ยงต่อภาวะน้ำหนักเกินและอ้วนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะพนักงงาน office อย่างเราๆ ที่ Activity นั้นแสนจะน้อยนิด ส่วนใหญ่ก็นั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ จนหลายคนเกิดปัญหาเรื่อง Office syndrome ตามมา

WORKSHOP กินอยู่อย่างไร ห่างไกล NCDs
กิจกรรม กินอยู่อย่างไร ห่างไกล NCDs
วันที่ 26 สิงหาคม 2567 SAKID ได้จัดกิจกรรม กินอยู่อย่างไรห่างไกลโรคNCDs กับ SAKID ที่บริษัท ทาทาสตีล (การผลิต) จ.สระบุรี โดยจะมีกิจกรรมวัดองค์ประกอบร่างกาย และWorkshop เกี่ยวกับการเลือกอาหารในชีวิตประจำวันโดยจะเน้นไปที่การลดน้ำหนักและไขมันในเลือด ให้พนักงานได้นำไปใช้ได้จริง การอ่านฉลากแบบง่ายๆ การเลือกกินอาหารแบบ 2-1-1 เน้นโปรตีนและผัก การเลือกกินคาร์โบไฮเดรตในสัดส่วนที่ถูกต้อง เพื่อรักษาการกินที่สมดุลให้เหมาะกับสภาวะร่างกายของแต่คนให้ถูกต้อง

เก็บออมหรือเพิ่มรายได้ จุดไหนเราควรจะโฟกัส
ในสถานการณ์ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์เมื่อปี 2565 ที่มีจำนวนผู้สูงอายุราวร้อยละ 20-30 และไทยจะกลายเป็นสังคมสูงอายุระดับสุดยอดเช่นเดียวกับญี่ปุ่นที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปร้อยละ 28 ในปี 2574 จึงเป็นส่วนหนึ่งให้คนวัยทำงานเริ่มวางแผนทางการเงิน เพื่อให้พร้อมรับกับวัยเกษียณที่จะมาถึง ซึ่งมีทั้งเก็บออมเงินจากการทำงานในปัจจุบัน หรือเลือกที่จะหาช่องทางเพิ่มรายได้ แล้วแบบไหนที่ควรจะเลือกดี

WORKSHOP Cooking class สลัดโรล
กิจกรรม Cooking class สลัดโรล
วันที่ 20 สิงหาคม 2567 SAKID ได้จัดกิจกรรม Cooking class สลัดโรล ที่บริษัท CBRE โดยพนักงานได้เข้าร่วมจำนวน 40 คน ซึ่งนักกำหนดอาหารวิชาชีพ ได้เป็นผู้ให้ความรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบและมีทริคการดูแลสุขภาพด้านอาหารสำหรับชาวออฟฟิศให้เล่นเกมสุขภาพพร้อมรับของรางวัลกันอีกด้วย คลาสสอนทำสลัดโรลจะแบ่งทำเป็น 2เมนูคือ สลัดโรลเต้าหู้ กับ สลัดโรลปลาทูนึ่ง โดยทั้งสองเมนูจะใช้รสชาติจากผักและสมุนไพรเป็นหลักเพื่อสุขภาพที่ดีและน้ำจิ้มสูตรโซเดียมต่ำ อร่อยได้ง่ายๆ และสามารถนำกลับไปทำเองได้ที่บ้านได้

รู้เท่าทัน OFFICE SYNDROME ฉบับวัยทำงาน
ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน การทำงานในออฟฟิศกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับคนในสังคม ความสะดวกสบายที่เข้ามาแทนที่ ทำให้เราไม่ได้ปรับเปลี่ยนท่าทาง กลายเป็นต้องทำงานอยู่ในท่าใดท่าหนึ่ง ท่าเดิมซ้ำๆ เป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะกลุ่มพนักงานในบริษัท หรือองค์กร