
สวัสดิการพนักงาน โจทย์ใหญ่สำหรับผู้บริหารองค์กรยุคปัจจุบัน
- 03/11/22
สวัสดิการพนักงาน ถือเป็นอีกหนึ่งโจทย์ใหญ่ที่องค์กรในปัจุบบันจะต้องให้ความสนใจ เพราะนอกจากจะเป็นตัวดึงดูดให้คนมาสมัครงานกับองค์กรของเราแล้ว ยังเป็นตัวช่วยยึดเหนี่ยวพนักงานในองค์กรแต่เดิมให้ยังอยู่ต่อไป ซึ่งโจทย์นี้เอง ก็เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับผู้บริหาร ว่าจะออกแบบมาเป็นเช่นไร และไม่สร้างผลกระทบในแง่ลบให้กับพนักงานภายในองค์กร
สวัสดิการพนักงาน สิ่งยึดเหนี่ยวพนักงานไว้กับองค์กร
สวัสดิการพนักงาน คือผลประโยชน์ที่พนักงานจะได้รับเพิ่มเติม นอกเหนือจากเงินเดือนที่องค์กรจ่ายให้จากการทำงานของพนักงาน มันเป็นตัวช่วยยึดเหนี่ยวพนักงานในองค์กรแต่เดิมให้ยังอยู่ต่อไป
เพราะสำหรับพนักงานแล้ว สวัสดิการพนักงาน ถือเป็นสิ่งที่ช่วยลดรายจ่ายในชีวิตประจำวันได้ของพนักงานได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะรายจ่ายสำคัญ อย่างค่ารักษาพยาบาลที่มักคาดเดาไม่ได้เลยว่าจะต้องจ่ายเมื่อไร และจะต้องใช้เงินเล็กหรือก้อนโตเพียงไร หรือสิ่งอื่น ๆ ที่ช่วยให้พวกเขาทำงานต่อไปได้โดยไม่เกิดปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตที่มากขึ้น
ซึ่งหากสวัสดิการเหล่านั้นไม่ดี องค์กรนั้น ๆ เองก็อาจพบกับความเสี่ยงในอัตราเปลี่ยนงานของพนักงานที่สูงขึ้นเช่นกัน จนทำให้ธุรกิจขององค์กรได้รับความเสียหาย และอาจนำไปสู่การยุติการประกอบการได้ในที่สุด
วางแผนสร้างสวัสดิการพนักงานอย่างไร ให้ได้ประโยชน์ทั้งพนักงานและองค์กร
การวางแผนสร้างสวัสดิการพนักงานถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องคิดให้ถี่ถ้วนเป็นอย่างดี แต่โดยพื้นฐานแล้วจะแบ่งเป็นสองส่วนหลัก ๆ ก็คือ ประโยชน์สูงสุดต่อพนักงาน และประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร โดยแบ่งได้ ดังนี้
ประโยชน์สูงสุดต่อพนักงาน
1. ขึ้นทะเบียนประกันสังคม
การทำประกันสังคมให้กับพนักงานเป็นสิ่งที่จำเป็นหากจ่ายค่าจ้างให้พวกเขาเป็นเงินเดือน เพื่อให้พนักงานเหล่านั้นได้รับสวัสดิการความคุ้มครองหลายๆ ด้านจากประกันสังคม อีกทั้งพนักงานยังสามารถนำค่าประกันตนที่หักจ่ายให้กับสำนักงานประกันสังคม ไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ต้องยื่นภาษีทุกปีได้ด้วย
2. เลือกสวัสดิการที่ไม่ต้องนับรวมเป็นรายได้พนักงาน
เพราะสวัสดิการบางอย่างและประโยชน์อย่างอื่นที่ได้รับจากองค์กร จะถูกหักนับรวมเป็นภาษีตามมาตรา 39 และ40(1) ของประมวลรัษฎากร ทำให้พนักงานจะต้องจ่ายภาษีที่มากขึ้นตามไปด้วย
ฉะนั้นแล้ว การเลือกสวัสดิการที่ไม่เข้ากับเงื่อนไขของมาตรา 40(1) จึงเป็นสิ่งที่พนักงานส่วนใหญ่ต้องการ โดยจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขกฎหมาย ดังนี้
2.1 เป็นการปฏิบัติให้พนักงานทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน อาจแตกต่างกันตามลำดับขั้นของพนักงานได้ แต่ต้องไม่แตกต่างกันในระดับขั้นเดียวกัน เพื่อแสดงให้เห็นว่าองค์กรไม่ได้เลือกปฏิบัติ หรือให้เป็นการส่วนตัว เพราะจะถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม
2.2 สวัสดิการบางอย่างต้องมีระเบียบปฏิบัติอย่างชัดเจน ซึ่งพนักงานต้องรับรู้โดยทั่วกันทุกคน
2.3 ผลประโยชน์ให้พนักงานบางกรณีต้องมีการทำหนังสือรับรู้ หรือได้รับการอนุมัติจากกรรมการเป็นลายลักษณ์อักษร มีเอกสารประกอบชัดเจนและถูกต้อง พร้อมทั้งเอกสารบันทึกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตรงตามที่ได้รับการอนุมัติ
3. ภาษีหัก ณ ที่จ่าย
สำหรับพนักงานที่มีเงินเดือนถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี ฝ่ายบุคคลขององค์กรจะต้องทำการหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ทุกเดือน โดยจะคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของพนักงานทั้งปี ว่าถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีแล้วหรือไม่
ซึ่งพนักงานเอง ก็จำเป็นจะต้องแจ้งสิทธิลดหย่อนที่มีของตนเองให้กับฝ่ายบุคคล ทั้งที่มีอยู่แล้วหรือที่ตั้งใจว่าจะซื้อเพิ่มภายในปีนี้ให้เป็นไปตามลายลักษณ์อักษร โดยอาจแจ้งเป็นแบบฟอร์มหรือช่องทางอื่น ๆ ตามที่องค์กรกำหนด ซึ่งจะทำให้พนักงานได้รับเงินสดเท่าเดิมทันทีที่จ่ายเงินเดือนครั้งต่อไป
ประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร
1. เลือกค่าใช้จ่ายสวัสดิการที่ไม่เป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม
สำหรับองค์กรแล้ว รายจ่ายใด ๆ ที่ไม่อยู่ในมาตรา 65 ตรี (1)-(20) มีสิทธิลงเป็นรายจ่ายทางภาษีอากรได้ ซึ่งจะช่วยทำให้องค์กรเสียภาษีน้อยลง โดยจะต้องเข้าข่ายเงื่อนไขดังต่อไปนี้
1.1 องค์กรต้องระบุสวัสดิการ และสิทธิประโยชน์ของพนักงานไว้ในข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของกิจการ โดยระบุไว้ในคู่มือพนักงานอย่างครบถ้วน
1.2 การให้สวัสดิการ จะต้องให้กับพนักงานทุกคนทั่วไปโดยไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติ
2. เลือกสวัสดิการที่ภาษีซื้อไม่เป็นภาษีซื้อต้องห้าม
หากค่าสวัสดิการต่าง ๆ ของพนักงานเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เช่น แจกสิ่งของเป็นรางวัลปีใหม่ให้กับลูกจ้างเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการทำงาน ภาษีซื้อสิ่งของเหล่านี้ จะต้องไม่เป็นภาษีซื้อต้องห้ามตามมาตรา 82/5 ซึ่งแบ่งได้เป็น 6 กรณีต้องห้าม ดังนี้
2.1 ไม่มีใบกำกับภาษี หรือมีใบกำกับภาษี แต่ไม่อาจแสดงใบกำกับภาษีได้
2.2 ใบกำกับภาษีมีข้อความไม่ถูกต้อง หรือไม่สมบูรณ์ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ
2.3 เป็นภาษีซื้อที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบธุรกิจขององค์กร
2.4 เป็นภาษีซื้อจากรายจ่ายค่ารับรอง
2.5 เป็นภาษีซื้อตามใบกำกับภาษี ซึ่งออกโดยผู้ไม่มีสิทธิออกใบกำกับภาษี
2.6 เป็นภาษีซื้อต้องห้ามที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดโดยอนุมัติจากรัฐมนตรีแล้ว
สวัสดิการพนักงานสุดยอดฮิต ที่แพร่หลายและใช้เป็นวงกว้างในองค์กรต่าง ๆ
1. โบนัส และการปรับขึ้นเงินเดือนประจำปี
การมีโบนัสและการปรับขึ้นเงินเดือนประจำปี ถือเป็นขวัญกำลังใจให้กับพนักงานได้เป็นอย่างดี ซึ่งยังเป็นเหมือนรางวัลพิเศษให้พวกเขารู้สึกได้รับผลตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อกับสิ่งที่พยายามมาตลอดทั้งปี และมีกำลังใจที่จะพัฒนาตัวเองในปีถัด ๆ ไปอีกด้วย
2. วันลาตามกฎหมาย และวันลาพิเศษอื่น ๆ
การกำหนดวันหยุด และวันลาอื่น ๆ ตามกฏหมายขั้นพื้นฐาน คือสิ่งที่องค์กรต้องใส่ใจและมอบสิทธิเหล่านี้สำหรับพนักงานในเบื้องต้น โดยการให้สิทธิวันลาหยุดตามกฏหมายกำหนด เพื่อรักษาสิทธิส่วนบุคคลตามที่ควรจะเป็น แต่ถ้าหากมีสวัสดิการวันหยุดพิเศษเพิ่มเข้าไป เพื่อให้พวกเขาได้มีเวลาส่วนตัวไปทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ และสร้างความยืดหยุ่นในการทำงาน จะเป็นสิ่งที่มัดใจพนักงานได้เป็นอย่างดี
3. ค่าล่วงเวลา (OT)
การทำงานล่วงเวลา อาจเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่พนักงานหลายคนเป็นกังวล โดยเฉพาะตำแหน่งที่มีโอกาสทำงานล่วงเวลาจนเป็นเรื่องปกติ ซึ่งแม้จะเป็นหน้าที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบ แต่หากองค์กรนั้น ๆ มีค่าตอบแทนหรือค่าเดินทางเป็นกำลังใจให้ เพื่อให้พวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นจะไม่กินแรงพวกเขาฟรี ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งแรงจูงใจสำคัญที่องค์กรควรสนับสนุน
4. เวลาทำงานที่ยืดหยุ่น
สไตล์การทำงานแบบอิสระสามารถช่วยลดความตึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างวัน และยังช่วยเพิ่มเติมช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่มีผลต่อคุณภาพของชิ้นงานให้ออกมาได้ดียิ่งขึ้น การสร้างบรรยากาศและออกแบบเวลาทำงานให้ยืดหยุ่น จึงเป็นอีกหนึ่งสวัสดิการพนักงานที่ใช้มัดใจพนักงานบริษัทยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี
ประกันสุขภาพ และการสนับสนุนสุขภาพของพนักงานในองค์กร
ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่างอาจทำให้ความคุ้มครองต่าง ๆ ยังครอบคลุมไม่มากพอ โดยเฉพาะเรื่องของความเจ็บป่วย และอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ หากมีประกันสุขภาพแบบกลุ่มที่ช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายจากการรักษาตัวที่โรงพยาบาล จะช่วยให้พนักงานเห็นว่าคุณเอาใจใส่ดูแลพวกเขาดีแค่ไหน และรู้สึกปลอดภัย อยากอยู่กับบริษัทของคุณไปอีกนาน เพราะค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ถือเป็นสิ่งที่น่ากังวลสำหรับพนักงาน ที่ไม่รู้ว่าจะต้องจ่ายไปมากน้อยเพียงใด
และนอกจากประกันสุขภาพจะเป็นสิ่งสำคัญที่ควรให้พนักงานแล้ว การสนับสนุนสุขภาพของพนักงานในองค์กรเองก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่องค์กรควรใส่ใจ ทั้งอาหารการกิน และการออกกำลังกายต่าง ๆ ของพนักงานในองค์กร จนรวมไปถึงนวัตกรรมดูแลสุขภาพที่ช่วยดูแลพวกเขาอย่างครบครัน ให้พวกเขามีสุขภาพจิตและกายที่ดีในอีกหนึ่งทาง และยังเป็นการป้องกันสุขภาพของพนักงานเหล่านั้น ไม่ให้ล้มป่วยจนต้องพึ่งพาประกันสุขภาพบ่อย ๆ อีกด้วย
สวัสดิการดูแลสุขภาพในที่ทำงานคุ้มค่าอย่างไร?
สวัสดิการดูแลสุขภาพในที่ทำงานถือเป็นสิ่งใหม่ที่หลาย ๆ องค์กรพึ่งนำมาเริ่มใช้กับพนักงานของตนเอง จึงไม่แปลกที่จะมีผู้บริหารและพนักงานจำนวนมากที่สงสัยถึงความคุ้มค่าของนโยบายสวัสดิการตัวนี้ ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเองก็มีประกันสุขภาพของพนักงานกันอยู่ก่อนแล้ว
ทว่า สวัสดิการดูแลสุขภาพในที่ทำงานก็เป็นเหมือนกันกับการป้องกันด่านแรกสุด ที่จะทำให้พนักงานลดความจำเป็นในการใช้ประกันสุขภาพ รวมไปถึงการลา หรือขาดงานจากอาการเจ็บป่วยทั้งหลายลงไป และยังมีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง พร้อมสู้ในการทำงาน ส่งผลทำให้ประสิทธิภาพการทำงานขององค์กรนั้นสูงยิ่งขึ้น
ยกตัวอย่างเช่นในสหรัฐอเมริกา บริษัท Johnson & Johnson ที่เป็นบริษัทด้านอุตสาหกรรมยา, เครื่องมือแพทย์ และสินค้าอุปโภคบริโภค ตั้งแต่เริ่มใช้งานสวัสดิการดูแลสุขภาพในที่ทำงาน อย่างพวกโปรแกรมสุขภาพต่าง ๆ ก็มีพนักงานที่สูบบุหรี่ลดลงกว่าสองในสาม จนรวมไปถึงผู้ที่มีความดันโลหิตสูง และผู้ที่ไม่ได้ออกกำลังกายก็ลดจำนวนตามลงไป
โดยในผลสรุปตั้งแต่ปี 2002 ไปจนถึงปี 2008 J&J สามารถประหยัดเงินค้าประกันสุขภาพ และรักษาพยาบาลต่าง ๆ ของพนักงานในองค์กรของตนเองไปได้กว่า 250 ล้านดอลลาร์ (ราว ๆ 9,530,875,000 บาท ในปัจจุบัน) ซึ่งตามการคำนวณของพวกเขา ในทุก ๆ 1 ดอลลาร์ (ราว ๆ 38.11 บาท ในปัจจุบัน) ที่ J&J ใช้ลงทุนไปกับสวัสดิการดูแลสุขภาพในที่ทำงาน พวกเขาก็ได้ผลตอบแทนกลับคืนมาถึง 2.71 ดอลลาร์ (ราว ๆ 103.28 บาท ในปัจจุบัน) เลยทีเดียว
ซึ่งแอปพลิเคชัน SAKID เองก็จัดอยู่ในประเภทสวัสดิการดูแลสุขภาพในที่ทำงานเช่นกัน นวัตกรรมนี้ถูกพัฒนาโดยทีมงานสหสาขาวิชาชีพ ประกอบด้วยนักกำหนดอาหาร, นักวิทยาศาสตร์การกีฬา และนักจิตวิทยาองค์กร ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ซึ่งทดลองใช้งานจริงแล้วในองค์กรมามากกว่า 200 องค์กร และพบว่าผู้ใช้งานร้อยละ 80 ของแอปพลิเคชันสามารถควบคุมน้ำหนักตัวได้ และกว่าครึ่งหลังจากที่ใช้บริการก็มีฟีดแบคกลับมาว่ารู้สึกมีความสุขมากยิ่งขึ้น
บริการของ SAKID ในปัจจุบัน แบ่งได้ 4 บริการ ดังนี้
1. บริการภารกิจสุขภาพรายบุคคล
ภารกิจสุขภาพของ SAKID มีรวมกันกว่าพันรายการ พร้อมทั้งมีการคัดสรร และเลือกภารกิจให้ตามแต่ความเหมาะสมรายบุคคลของพนักงาน ทั้งยังสามารถระบุเป้าหมายที่พนักงานเหล่านั้นต้องการ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการลดน้ำหนัก, ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และการจัดการความเครียดต่าง ๆ ทั้งยังสามารถทำชาเลนจ์เป็นกิจกรรมภายในบริษัทได้ด้วยการเชื่อมต่อกับ Smart Device ต่าง ๆ บนระบบ iOS และ Android
2. บริการปฏิทินความสุข
เป็นเครื่องมือช่วยบันทึกภายในแอปพลิเคชันของ SAKID ที่เน้นจุดมุ่งหมายไปที่การช่วยให้พนักงานบันทึกระดับความสุขในแต่ละวันลงไป เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลตัวเลขต่าง ๆ ที่สามารถนำมาวัดผลได้ให้แก่องค์กร และยังสามารถบันทึกเรื่องราวของสิ่งที่ทำให้เกิดความสุขรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ใหญ่ หรือเล็กน้อยลงไปได้อีกด้วย
3. บริการโค้ชสุขภาพพนักงานส่วนตัว
เป็นบริการที่มีเพื่อให้พนักงานภายในองค์กรที่ใช้งานแอปพลิเคชันของ SAKID ได้พูดคุยปัญหาสุขภาพกับโค้ชประจำตัว, นักกำหนดอาหาร, นักวิทยาศาสตร์การกีฬา และนักจิตวิทยาได้แบบไม่จำกัด ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม เป็นการที่ให้พวกเขาสามารถจัดการปัญหาของตัวเองกับผู้เชี่ยวชาญได้อย่างว่องไว และไม่ก่อกลายเป็นปัญหาเรื้อรังในภายหลัง
4. บริการเวิร์คช็อปออนไลน์
เป็นบริการพื้นที่ร่วมกิจกรรม ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มพูนทักษะที่จำเป็น ให้แก่คนในองค์กรแบบหมุนเวียนทุกสัปดาห์จากผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ของแอปพลิเคชัน SAKID และยังสามารถเพิ่มการจัดกิจกรรมในรูปแบบ Omni-Channel ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ เช่น กิจกรรมนวดผ่อนคลาย, กิจกรรมยืดเส้นสาย, กิจกรรมคลายเครียด หรือกิจกรรมเสริมความร่วมมือในทีม ให้แก่พนักงานเหล่านั้นได้นำไปปรับใช้ภายในชีวิตประจำวัน และองค์กรของตนเอง
จากทั้งหมดที่ว่ามานี้ แอปพลิเคชันของ SAKID ถือได้ว่าเป็นบริการด้านสุขภาวะแก่พนักงานในองค์กรรูปแบบออนไลน์แห่งแรก ที่ดูแลอย่างครบครันจากการปรับการทานอาหาร, ออกกำลังกาย, คลายความกังวล และ สังคมในที่ทำงานกับตัวของพนักงาน ด้วยโค้ชสุขภาพที่พร้อมให้คำปรึกษา และออกแบบคำแนะนำให้รายบุคคลตามมาตรฐานสากล ผสานด้วยเทคโนโลยีการเก็บข้อมูลพนักงานที่ก้าวหน้า เพื่อเป้าหมายการพัฒนาตัวชี้วัดด้านสุขภาพพนักงานโดยรวม และลดค่าใช้จ่ายการดูแลสุขภาพของบริษัท รวมถึงค่ารักษาพยาบาลที่ไม่จำเป็นของพนักงานลงไป
สรุป
จะเห็นได้ว่า สวัสดิการพนักงานนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะว่าพนักงานนั้นเป็นเหมือนฟันเฟือง ที่คอยขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จ ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยรักษาพนักงานที่มีความสามารถไว้ในองค์กรให้นานที่สุด ด้วยการการสร้างแรงจูงใจจากสวัสดิการเหล่านี้ ให้พวกเขารู้สึกอยากที่จะอยู่ต่อ และไม่ย้ายไปไหนนั่นเอง
บทความที่น่าสนใจ

Well-being ไม่ใช่แค่ดูแลพนักงาน แต่ขอรับรองมาตรฐานได้ด้วย
ในปัจจุบันองค์กรต่าง ๆ ให้ความสำคัญการดูแลด้าน Well-being หรือสุขภาวะที่ดีของพนักงาน เพราะเล็งเห็นว่าพนักงานเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดขององค์กร ในการดำเนินกิจกรรมให้เป็นไปตามเป้าหมายขององค์กร หากพนักงานมีความสุขก็จะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน และมีความผูกพันต่อองค์กร แต่ทราบหรือไม่ว่านอกจากนี้ยังสามารถขอรับรองมาตรฐานที่เกี่ยวข้องได้หลายมาตรฐาน ซึ่งทำให้มั่นใจว่ากิจกรรมด้าน Well-being ที่จัดให้พนักงานมีความครบถ้วนหรือไม่ เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด และหากองค์กรได้รับรางวัลมาตรฐานเหล่านี้ ยังเป็นการสร้างชื่อเสียงให้แก่องค์กร สร้างภาพลักษณ์ต่อผู้เกี่ยวข้องทั้งพนักงาน ลูกค้า และบุคคลภายนอกในการเป็นองค์ที่มีความใส่ใจพนักงาน

8 ทริคดื่มน้ำให้ครบ 8 แก้ว
การดื่มน้ำเป็นสิ่งที่หลายคนมักมองข้าม ทั้งๆ ที่น้ำคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะร่างกายของเราประกอบด้วยน้ำถึง 60% การดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวันไม่เพียงแค่ช่วยให้ทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย เช่น สมอง หัวใจ และกล้ามเนื้อ ทำงานได้อย่างปกติ แต่ยังช่วยให้เรารู้สึกสดชื่น ผิวฉ่ำ ปากชุ่มชื้นตลอดทั้งวัน ในทางกลับกัน หากเราดื่มน้ำน้อยเกินไป อาจส่งผลให้ท้องผูก ปวดหัว สมองทำงานช้าลง เหนื่อยล้า โฟกัสกับการทำงานได้ลดลง ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง

WORKSHOP การใช้อาหารรักษาภาวะคลอเลสเตอรอล (ลดไขมันด้วยอาหาร)
กิจกรรม “การใช้อาหารรักษาภาวะคลอเลสเตอรอล”
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2566 SAKID ได้จัดกิจกรรม Workshop “การใช้อาหารรักษาภาวะคลอเลสเตอรอล” โดยนักกำหนดอาหารที่ให้ความรู้และความเข้าใจเรื่องอาหารสำหรับคนที่เสียงคลอเรสเตอรอลสูง และผู้ที่เป็นอยู่แล้ว ว่ามีอาหารประเภทไหนบ้าง ที่ควรกินและไม่ควรกิน การเลือกอาหารและการปรับพฤติกรรมการกินให้เหมาะสม

พักจากงานสักแปป แนะนำ บอร์ดเกม ที่ควรติดไว้ให้เล่นในที่ทำงาน
การเล่นเกมเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมในที่ทำงาน นอกจากงานที่ทำอยู่แล้ว การมีเพื่อนที่เล่นเกมด้วยกันจะทำให้ผ่อนคลายและกระชับความสัมพันธ์เห็นมุมมองของแต่ละคนที่แตกต่างจากตัวตนในการทำงานอีกด้วย เกมที่แนะนำเป็นบอร์ดเกมเพราะว่าทุกคนจะสามารถวางโทรศัพท์และทุกสิ่งทุกอย่างลงได้ เพื่อมาโฟกัสจับต้องเกมกันและใช้เวลาเล่นไม่นานสั้นๆ เพื่อเป็นการพักจากงานที่ทำอยู่ หรือพักเที่ยง พักเบรคได้

WORKSHOP Healthy Canteen
กิจกรรม “อบรม พ่อครัว แม่ครัว ให้ทำอาหารสุขภาพมากขึ้น”
เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 SAKID ได้จัดกิจกรรม Workshop “อบรม พ่อครัว แม่ครัว ให้ทำอาหารสุขภาพมากขึ้น”

How to วางงบจัดกิจกรรม บริษัท องค์กร ให้คุ้มค่าและได้ผลลัพธ์สุดปัง
ในปัจจุบันองค์กรต่าง ๆ ให้ความสำคัญการดูแลด้าน Well-being หรือสุขภาวะที่ดีของพนักงาน เพราะเล็งเห็นว่าพนักงานเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดขององค์กร ในการดำเนินกิจกรรมให้เป็นไปตามเป้าหมายขององค์กร หากพนักงานมีความสุขก็จะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน และมีความผูกพันต่อองค์กร แต่ทราบหรือไม่ว่านอกจากนี้ยังสามารถขอรับรองมาตรฐานที่เกี่ยวข้องได้หลายมาตรฐาน ซึ่งทำให้มั่นใจว่ากิจกรรมด้าน Well-being ที่จัดให้พนักงานมีความครบถ้วนหรือไม่ เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด และหากองค์กรได้รับรางวัลมาตรฐานเหล่านี้ ยังเป็นการสร้างชื่อเสียงให้แก่องค์กร สร้างภาพลักษณ์ต่อผู้เกี่ยวข้องทั้งพนักงาน ลูกค้า และบุคคลภายนอกในการเป็นองค์ที่มีความใส่ใจพนักงาน