
รับมือกับ Brownout Syndrome: เคล็ดลับปลุกไฟในการทำงานอีกครั้ง
- 29/08/24
คุณรู้สึกท้อแท้ เบื่อหน่าย และสิ้นหวังกับการทำงานอยู่หรือเปล่า? ถ้าเป็นเช่นนั้น คุณไม่ได้เป็นคนเดียวที่เผชิญกับความรู้สึกเหล่านี้ เพราะอาการแบบนี้คือสัญญาณของภาวะ Brownout Syndrome ที่กำลังคุกคามพนักงานออฟฟิศจำนวนมากในปัจจุบัน หากคุณกำลังต่อสู้กับความเหนื่อยล้า ขาดแรงบันดาลใจ และรู้สึกหมดไฟในการทำงาน บทความนี้จะพาคุณทำความรู้จัก Brownout Syndrome ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น พร้อมแนะนำวิธีรับมือและจุดประกายในการทำงานอีกครั้ง เพื่อเป็นแนวทางดูแลสุขภาพจิตของคนทำงานอย่างเรา
Brownout Syndrome คืออะไร และแตกต่างจาก Burnout อย่างไร ?
Brownout Syndrome เป็นภาวะที่พนักงานรู้สึกหมดแรงจูงใจ เหนื่อยล้า และไม่มีความสุขในการทำงาน แต่ยังคงฝืนทำงานต่อไป แม้จะรู้สึกไร้ค่าและสิ้นหวังกับอนาคตในอาชีพการงาน ผู้ที่เป็น Brownout ยังสามารถทำงานได้ แต่ด้วยประสิทธิภาพที่ลดลงอย่างมาก เนื่องจากขาดความกระตือรือร้นและไม่มีส่วนร่วมเท่าที่ควร (Cherniss, 2016) ในขณะที่ Burnout นั้นรุนแรงกว่า โดยพนักงานจะหมดแรงทั้งกายและใจจนไม่สามารถทำงานต่อไปได้เลย รู้สึกอ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจ มีทัศนคติเชิงลบต่องานและสังคมรอบข้าง จนในที่สุดอาจต้องลาออกจากงานหรือถูกไล่ออก (Maslach & Leiter, 2015, p.7) จึงกล่าวได้ว่า Brownout เป็นสัญญาณเตือนที่บ่งบอกถึงความเสี่ยงของการเกิด Burnout ในอนาคต หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที
ปัจจัยที่ก่อให้เกิด Brownout Syndrome
การเกิด Brownout Syndrome มีสาเหตุได้จากหลายปัจจัย เช่น ภาระงานที่มากเกินไป ขาดอิสระในการตัดสินใจ ไม่ได้ใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่ ขาดการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา รางวัลตอบแทนที่ไม่เพียงพอ ความขัดแย้งระหว่างค่านิยมส่วนบุคคลกับนโยบายองค์กร สภาพแวดล้อมการทำงานที่เลวร้าย หรือการถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม (Maslach & Leiter, 2015, p.44) โดยเฉพาะความเครียดหลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ยิ่งทำให้ปัญหานี้ทวีความรุนแรงขึ้น (“WHO Highlights Mental Health Effects of COVID-19 Pandemic”, n.d.)
ผลกระทบของ Brownout Syndrome ต่อพนักงานและองค์กร
• ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตและร่างกายของพนักงาน ทำให้เกิดความเครียด วิตกกังวล นอนไม่หลับ
• โรคซึมเศร้าระยะยาว
• ประสิทธภาพการทำงานลดลง ไม่มีความคิดสร้างสรรค์
• ลาขาดงานบ่อย
• บรรยากาศที่เป็นลบในที่ทำงาน ส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของเพื่อนร่วมงาน

วิธีรับมือกับ Brownout Syndrome
ในฐานะพนักงาน สิ่งที่เราสามารถทำได้คือการสื่อสารกับหัวหน้างานถึงปัญหาที่เผชิญ พยายามควบคุมปัจจัยที่สร้างความเครียด เช่น จัดลำดับความสำคัญของงาน บริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพ และขอความช่วยเหลือเมื่อต้องการ (Schaffner, 2016, p.98) การผ่อนคลายด้วยกิจกรรมยามว่างและการฝึกสติสมาธิก็มีส่วนช่วยบรรเทาความเครียดได้เป็นอย่างดี (Schaffner, 2016, p.77) องค์กรควรเอาใจใส่ต่อสุขภาวะของพนักงานโดย
• สำรวจความเครียดและความพึงพอใจในการทำงานอย่างสม่ำเสมอ
• สร้างบรรยากาศแห่งความไว้วางใจให้พนักงานสามารถสื่อสารปัญหาได้อย่างเปิดเผย
• มอบหมายงานที่ท้าทายและตรงกับความสามารถของแต่ละบุคคล
• ให้อิสระและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
• สนับสนุนการฝึกอบรมทักษะและความก้าวหน้าในสายงาน
• จัดสรรทรัพยากรอย่างเพียงพอ และส่งเสริมความสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงาน (Maslach & Leiter, 2015, p.123)
การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้คุณค่ากับพนักงานจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิด Brownout และปัญหาสุขภาพจิตอื่นๆ ในสถานที่ทำงาน
หากคุณมีอาการของ Brownout Syndrome การพูดคุยกับนักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตจะช่วยให้เข้าใจสาเหตุของปัญหา และหาแนวทางจัดการที่เหมาะสมได้ SAKID เรามีนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษา สะดวก นัดหมายง่าย โดยองค์กรสามารถจัดเป็นสวัสดิการให้พนักงานได้ นอกจากนี้องค์กรที่ใส่ใจสุขภาวะพนักงานอาจเริ่มมองหานักจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การมาให้คำปรึกษา อบรม และออกแบบนโยบายสุขภาพจิต เพื่อรักษาบุคลากรคุณภาพและเพิ่มผลิตภาพในระยะยาว ถึงแม้ Brownout อาจดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่จริงๆ แล้วเป็นปัญหาใกล้ตัวที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ และเริ่มแก้ไขทันทีเมื่อสังเกตเห็นอาการ ไม่ว่าจะเป็นในตัวเองหรือเพื่อนร่วมงาน เพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลามบานปลาย องค์กรเองก็ควรสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีและส่งเสริมการเติบโตในอาชีพ เพื่อป้องกัน Brownout อย่างยั่งยืน
References
Cherniss, C. (2016). Beyond Burnout: Helping Teachers, Nurses, Therapists and Lawyers Recover From Stress and Disillusionment.
Maslach, C., & Leiter, M. P. (2015). The truth about burnout: How organizations cause personal stress and what to do about it. John Wiley & Sons. https://doi.org/10.1002/9781119212782
Schaffner, A. K. (2016). Exhaustion and the pathologization of modernity. Journal of Medical Humanities, 37(1), 77-94. https://doi.org/10.1007/s10912-014-9299-z
World Health Organization. (n.d.). WHO highlights mental health effects of COVID-19 pandemic. Retrieved July 22, 2024, from https://www.who.int/news-room/feature-stories/detail/the-impact-of-covid-19-on-mental-health
Why an industrial-organizational psychologist is the secret weapon for a business. (2021, August 2). Verywell Mind. https://www.verywellmind.com/why-an-industrial-organizational-psychologist-is-the-secret-weapon-for-a-business-5068105
บทความที่น่าสนใจ
55 กับเงินใช้หลังเกษียณ สำหรับพนักงานบริษัท
มีใครเคยดูซีรีส์ไทยเรื่องแรกที่เผยแพร่ทาง Disney+ Hotstar อย่าง 55:15 Never Too Late กำลังเข้มข้นเลยนะครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของเพื่อนชาย-หญิง 5 คน ในวัย 55 ปี ที่ถูกย้อนเวลาไปเติมเต็มความฝันในวัย 15 ปี สำหรับการวางแผนการเงินนั้น อายุ 55 ปี ก็ถือเป็นหมุดหมายสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นวัยที่หลายคนวาดฝันว่าจะเกษียณจากการทำงาน โดยจะมีสิทธิได้รับเงินจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อใช้หลังเกษียณ ซึ่งหากปฏิบัติถูกเงื่อนไข ก็จะได้รับยกเว้นภาษีอีกด้วย ตามผมไปดูกันเลยครับว่ามีอะไรบ้าง…

บูธประชาสัมพันธ์แอพสะกิด ที่การไฟฟ้านครหลวง เขตสมุทรปราการ
บูธประชาสัมพันธ์แอพสะกิด ที่การไฟฟ้านครหลวง เขตสมุทรปราการ
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2566 Sakid ได้ออกบูธประชาสัมพันธ์แอพสะกิดให้กับการไฟฟ้านครหลวง เขตสมุทรปราการ ในกิจกรรม Fun for Fit เพื่อแนะนำการเข้าร่วมโครงการ “MEA เบิร์นเกินร้อย” เปิดศึกการแข่งกันระหว่างทีมเพิ่มการเผาผลาญแคลอรี ด้วยการส่งภารกิจสุขภาพผ่านแอพสะกิด และลุ้นรับของรางวัลในแต่ละเดือน
มาตรฐานโรงอาหาร สำหรับองค์กร มีอะไรบ้าง
โรงอาหารคือหัวใจสำคัญของสุขภาพพนักงานในองค์กร โดยเฉพาะในโรงงานหรือสถานประกอบการที่มีพนักงานจำนวนมาก การดูแลคุณภาพอาหารไม่ใช่แค่เรื่อง “อร่อย” แต่คือการลงทุนระยะยาวในสุขภาพ ผลผลิต และความยั่งยืนขององค์กร จากข้อมูลของกรมอนามัย (2566) พบว่า พนักงานที่รับประทานอาหารในโรงอาหารที่ผ่านเกณฑ์สุขาภิบาลมีความเสี่ยงต่อโรคระบบทางเดินอาหารและโรคเรื้อรังต่ำกว่าถึง 40% เมื่อเทียบกับโรงอาหารทั่วไป

สร้างสวัสดิการให้กับพนักงานยังไงให้ครอบคลุมด้านสุขภาพ
สวัสดิการบริษัท ไม่ได้หมายถึงเพียงโบนัสหรือวันลาพักร้อนอีกต่อไป แต่ต้องครอบคลุมไปถึง สุขภาพกายและใจของพนักงาน เพราะสุขภาพคือรากฐานของการทำงานที่มีประสิทธิภาพ หากองค์กรมีการดูแลพนักงานตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงการส่งเสริมสุขภาวะ จะช่วยให้พนักงาน ทำงานได้ดีขึ้น รู้สึกผูกพัน และลดโอกาสลาออก ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข (2022) ระบุว่า การลงทุนใน สวัสดิการพนักงาน ด้านสุขภาพเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่คุ้มค่าในระยะยาว ไม่ใช่แค่ค่าใช้จ่าย

มารู้จัก Healthy Organization องค์กรสุขภาพดี
จากการสำรวจสุขภาพของประชากรไทยครั้งที่ 6 ซึ่งดำเนินการในปี 2562-2563 ซึ่งประเด็นในการสำรวจครอบคลุมในเรื่องพฤติกรรมสุขภาพ ภาวะโรคที่สามารถตรวจวัดพื้นฐาน ได้แก่ การวัดสัดส่วนร่างกาย ความดันโลหิต และการตรวจวัดน้ำตาล และไขมันในเลือด เป็นต้น โดยครอบคลุมทั้งในวัยทำงาน และผู้สูงอาย พบว่า ปัญหาอันดับต้นของสังคมในขณะนี้คือ โรคที่เกิดจากพฤติกรรมสุขภาพ หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โดยเฉพาะภาวะอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูงซึ่งมีผลต่ออุบัติการณ์โรคระบบหัวใจและหลอดเลือดที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มีสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้น เกิดภาระค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการดูแลรักษา ในขณะที่ความสามารถในการทำงานก็ด้อยลงตามสภาพร่างกายส่งผลเสียเป็นวงกว้างทั้งแก่ตัวพนักงาน และองค์กร ดังนั้นมาตรการป้องกันและลดภาระโรคเหล่านี้จึงเป็นประเด็นสำคัญมาก
สวัสดิการพนักงาน สายเฮลตี้ พนักงานสุขภาพดีมีอะไรบ้าง
ในยุคที่ “สุขภาพ” กลายเป็นหัวใจของชีวิตการทำงาน การให้ สวัสดิการพนักงาน (Employee Benefits) ที่ตอบโจทย์เพียงแค่เงินเดือนหรือโบนัสอาจไม่เพียงพออีกต่อไป องค์กรยุคใหม่จึงเริ่มหันมาพัฒนา “สวัสดิการสายเฮลตี้ (Healthy Employee Benefits)” เพื่อดูแลสุขภาพทั้งกายและใจของพนักงานอย่างรอบด้าน สวัสดิการลักษณะนี้ไม่ได้เป็นเพียง “ของแถม” แต่คือกลยุทธ์สำคัญในการสร้าง องค์กรสุขภาพดี (Healthy Organization) ที่มีพนักงานสุขภาพดี มีแรงบันดาลใจ