
DISC พลังแห่งบุคลิกในการสร้างทีมเวิร์คสู่ความสำเร็จขององค์กร
- 05/09/24
คุณเคยสังเกตไหมว่า ทำไมองค์กรที่เต็มไปด้วยบุคลากรผู้มีความสามารถ แต่บางครั้งการทำงานร่วมกันเป็นทีมกลับเป็นเรื่องที่ท้าทายและมีอุปสรรค? สาเหตุสำคัญอาจมาจากความแตกต่างด้านบุคลิกภาพในการทำงานของแต่ละคน การสร้างทีมเวิร์คให้แข็งแกร่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และปัญหาส่วนใหญ่มักเกิดจากความไม่เข้าใจกันระหว่างสมาชิกในทีมที่มีรูปแบบการคิดและการทำงานแตกต่างกัน หากเราไม่เข้าใจและปรับวิธีบริหารจัดการให้เหมาะสม ความแตกต่างเหล่านี้ก็อาจกลายเป็นตัวขัดขวางการทำงานเป็นทีมให้ราบรื่นและบรรลุเป้าหมายได้อย่างที่ตั้งใจ ซึ่งหากปล่อยไว้ ก็อาจบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งและส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพของทีมในที่สุด
ทำความรู้จัก 4 บุคลิกภาพของ DISC
DISC เป็นแบบประเมินบุคลิกภาพที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในแวดวงจิตวิทยาและการพัฒนาองค์กร โดยเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้บุคคลเข้าใจตนเองและผู้อื่นมากขึ้น ช่วยให้พนักงานในองค์กรสามารถส่งเสริมจุดแข็งและลดจุดอ่อนในการทำงานร่วมกันได้ โดย DISC แบ่งรูปแบบบุคลิกภาพออกเป็น 4 แบบ ได้แก่
D (Dominance) – กลุ่มคนที่มีบุคลิกชอบความท้าทายและมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายเป็นหลัก มีความกล้าตัดสินใจ ไม่ลังเลที่จะคิดและทำในสิ่งใหม่ๆ ชอบควบคุมสถานการณ์ด้วยตัวเอง อยากเป็นผู้นำและสั่งการผู้อื่น มักจะแสดงออกอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา แต่อาจดูเป็นคนขี้บ่นและอารมณ์ร้อนในสายตาผู้อื่นได้
I (Influence) – พวกเขาเป็นคนชอบเข้าสังคม มีเสน่ห์ดึงดูดคนรอบข้าง มีไหวพริบในการสื่อสารโน้มน้าวใจผู้อื่นเก่ง จึงมีเพื่อนและคนรู้จักมากมาย นอกจากนี้ยังเป็นคนมีพลังงานสูง คิดสร้างสรรค์ ชอบความสนุกสนาน แต่ก็อาจเป็นคนขี้เบื่อ วอกแวก หรือพูดมากเกินไปบ้าง
S (Steadiness) – คนกลุ่มนี้มีนิสัยใจเย็น สุขุม ให้ความสำคัญกับเพื่อนฝูงและครอบครัว เป็นคนมีเมตตา ชอบช่วยเหลือและเอาใจใส่ผู้อื่น เป็นนักฟังและผู้ตามที่ดี ไม่ชอบความขัดแย้ง รักสันติ แต่ก็อาจหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายใหม่ๆ
C (Conscientiousness) – พวกเขามักจะเป็นคนมีระบบระเบียบ ละเอียดรอบคอบ ยึดหลักเหตุผลและข้อมูลในการคิดวิเคราะห์ตัดสินใจ เคารพกฎเกณฑ์ มาตรฐาน เป็นนักวางแผนที่ดี แต่บางครั้งอาจดูเป็นคนเจ้าระเบียบ เครียด หรือขาดความยืดหยุ่นในสายตาผู้อื่น
(Rosenberg & Silvert, 2015; Sugerman, 2009)
ประยุกต์ใช้ DISC เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทีม
หลังจากที่เราเข้าใจความแตกต่างของบุคลิกภาพแต่ละแบบแล้ว หลักการของ DISC สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อบริหารและพัฒนาทีมงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยแนวทางสำคัญคือการมอบหมายงานที่เหมาะสมกับจุดแข็งและความถนัดของสมาชิกแต่ละคน ตัวอย่างเช่น พนักงานกลุ่ม D ที่ชอบความท้าทายและตัดสินใจเด็ดขาด เหมาะกับงานที่มีความกดดันสูงและต้องอาศัยการตัดสินใจอย่างฉับไว ในขณะที่พนักงานกลุ่ม I ซึ่งมีความคิดสร้างสรรค์และมีไหวพริบดี จะเหมาะกับงานที่ต้องใช้การคิดนอกกรอบและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ
สำหรับพนักงานกลุ่ม S ที่มีความน่าเชื่อถือ อดทน และประสานงานเก่ง มักจะเหมาะกับงานที่ต้องติดต่อประสานงานระหว่างทีมหรือแผนกต่างๆ ให้ดำเนินไปด้วยดี ส่วนพนักงานกลุ่ม C ที่มีความละเอียดรอบคอบ ชอบทำตามขั้นตอน และคิดวิเคราะห์เป็นเลิศ จะถนัดกับงานที่ต้องใช้ทักษะการคิดอย่างเป็นระบบและลึกซึ้งการได้ทำงานที่ตรงกับความถนัดและความสนใจ จะช่วยให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า และกระตุ้นให้เกิดแรงบันดาลใจที่จะทุ่มเทกับงานมากยิ่งขึ้น (Gage, 2020)
นอกจากการมอบหมายงานที่เหมาะสมแล้ว การจัดทีมตามหลักการ DISC โดยบุคคลที่มีบุคลิกภาพแบบ D (Dominance) มักชอบความท้าทาย กล้าตัดสินใจ และมุ่งเน้นผลลัพธ์ พวกเขาจึงเหมาะกับการเป็นผู้นำทีมและรับผิดชอบงานที่มีความท้าทายสูง ในขณะที่บุคคลแบบ I (Influence) ซึ่งมีความคิดสร้างสรรค์ ชอบการสื่อสาร และมีพลังในการกระตุ้นผู้อื่น จะเป็นกำลังสำคัญในการระดมความคิดและสร้างแรงบันดาลใจให้กับทีม
สำหรับบุคคลแบบ S (Steadiness) ที่มีความน่าเชื่อถือ อดทน และทำงานได้อย่างสม่ำเสมอ พวกเขามักเหมาะกับบทบาทในการประสานงาน ดูแลรายละเอียด และสนับสนุนให้ทีมทำงานได้อย่างราบรื่น ในทางกลับกัน บุคคลแบบ C (Compliance) ที่มีความรอบคอบ ชอบทำตามกฎระเบียบ และมีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล จะมีความถนัดในงานที่ต้องอาศัยความแม่นยำและมีโครงสร้างชัดเจน
หรือการจับคู่บุคลิกภาพที่เข้ากันและส่งเสริมกันได้ดี ก็จะช่วยให้การทำงานราบรื่นและได้ผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การจับคู่ผู้นำกลุ่ม D ให้ทำงานร่วมกับผู้สร้างสรรค์ไอเดียอย่างกลุ่ม I หรือการให้นักวางแผนแบบ C ทำงานคู่กับนักประสานงานอย่าง S เป็นต้น
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงคือการจับคู่บุคลิกภาพที่มีแนวโน้มขัดแย้งกันสูง เช่น กลุ่ม D กับ S ที่มีรูปแบบการทำงานต่างกันมาก หรือกลุ่ม I กับ C ที่อาจสื่อสารกันไม่ค่อยเข้าใจ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งในทีมได้ หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ อาจใช้วิธีการเพิ่มบุคคลที่มีบุคลิกภาพกลางๆ เข้ามาเป็นตัวเชื่อมให้ทีมทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น หรือจัดให้มีการผลัดเปลี่ยนคู่ทีมเป็นบางช่วง เพื่อให้ทุกคนได้ฝึกปรับตัวและเรียนรู้การทำงานกับผู้อื่นที่มีบุคลิกแตกต่างจากตัวเอง
สื่อสารเข้าใจใจตามสไตล์ DISC
นอกจากการวางคนให้เหมาะกับงานและทีมแล้ว การปรับวิธีสื่อสารให้เข้ากับผู้ฟังก็เป็นกุญแจสำคัญในการดึงศักยภาพของทีมออกมา ผู้นำควรเลือกใช้ภาษาที่ตรงใจคนแต่ละแบบ เช่น พูดคุยด้วยน้ำเสียงที่ฉับไว มั่นใจ ชัดเจนตรงประเด็นกับคนแบบ D, ใช้ภาษาที่สนุกสนาน อารมณ์ดี เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นกับคนแบบ I, ใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวล ให้เกียรติ แสดงความห่วงใยกับคนแบบ S และใช้ภาษาที่มีเหตุผล แม่นยำ ชัดเจนกับคนแบบ C (Gage, 2020) การสื่อสารด้วยภาษาที่เข้าถึงใจจะช่วยสร้างความเข้าใจและการตอบรับที่ดีจากทีม
แม้ DISC จะเป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องใช้อย่างระมัดระวังและไม่ตีกรอบจำกัดใครเพียงเพราะผลประเมิน ควรใช้เพื่อทำความเข้าใจและส่งเสริมศักยภาพของกันและกัน ไม่ใช่เพื่อตัดสินหรือลดทอนคุณค่าของผู้อื่น (Sugerman, 2009) บุคลิกภาพนั้นเป็นเพียงแง่มุมหนึ่งของมนุษย์ แต่เราทุกคนล้วนมีความสามารถที่หลากหลายและพัฒนาได้ หากเรามีความเข้าใจและเคารพในความหลากหลาย เราก็จะสามารถใช้ศักยภาพของแต่ละคนให้เกิดประโยชน์สูงสุด และร่วมกันผลักดันให้ทีมและองค์กรก้าวหน้าและประสบความสำเร็จได้
หากต้องการผู้เชี่ยวชาญมาช่วยวางแผนพัฒนาทีมและบุคลากรด้วย DISC อย่างได้ผล ทีมนักจิตวิทยาองค์กรของเราพร้อมให้คำปรึกษาเพื่อออกแบบโปรแกรมให้ตอบโจทย์เป้าหมายและบริบทเฉพาะขององค์กรของคุณ หรือจัดกิจกรรม Workshop หรือ เกมแข่งขัน เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจให้แก่ทีม ติดต่อทีม SAKID วันนี้ เพื่อปลดล็อกศักยภาพทีมสู่ความสำเร็จในอนาคต
References:
Gage, R. (2020). The power of connection: How to become a master communicator in your workplace, your head space and at your place. Hoboken, NJ: John Wiley & Sons, Inc.
Rosenberg, M. B., & Silvert, D. (2015). Taking flight!: Master the DISC styles to transform your career, your relationships…your life. Upper Saddle River, NJ: FT Press.
Sugerman, J. (2009). Using the DiSC® model to improve communication effectiveness. Industrial and Commercial Training, 41(3), 151-154. https://doi.org/10.1108/00197850910950952
บทความที่น่าสนใจ

ประเมินผลการทำงานอย่างไร ไม่ให้ลำบากใจ
ประเมินผลการทำงานอย่างไร ไม่ให้ลำบากใจ
เมื่อฤดูประเมินมาถึง…บอสหลายคนอาจรู้สึกว่าการต้องวิจารณ์หรือพูดถึงข้อดีข้อเสียต่อหน้าคนๆ นั้นตรงๆ…เป็นเรื่องน่าอึดอัด ส่วนในมุมมองของตัวผู้ถูกประเมินเอง เมื่อต้องมาฟังข้อเสียหรือเรื่องแย่ๆ ของตน…บางคนก็รู้สึกมีอารมณ์ ไม่ว่าจะผิดหวัง เศร้าเสียใจ หรือโกรธ นั่นทำให้พวกเขาพูดจาหรือแสดงท่าทีปกป้องตนเองในแบบต่างๆ แถมไม่ใช่แค่ตอนพูดคุยประเมินกันเท่านั้น หลังจากนั้นบางคนยังอาจแสดงความไม่พอใจหรือต่อต้านองค์กร ตั้งแต่มาทำงานสาย หยุดงาน จนไปถึงแสดงความก้าวร้าว พลอยทำให้องค์กรและผู้ร่วมงานอึดอัดและเสียหายไปด้วย…เป็นเรื่องน่าลำบากใจใช่ไหม

WORKSHOP การใช้อาหารรักษาภาวะคลอเลสเตอรอล (ลดไขมันด้วยอาหาร)
กิจกรรม “การใช้อาหารรักษาภาวะคลอเลสเตอรอล”
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2566 SAKID ได้จัดกิจกรรม Workshop “การใช้อาหารรักษาภาวะคลอเลสเตอรอล” โดยนักกำหนดอาหารที่ให้ความรู้และความเข้าใจเรื่องอาหารสำหรับคนที่เสียงคลอเรสเตอรอลสูง และผู้ที่เป็นอยู่แล้ว ว่ามีอาหารประเภทไหนบ้าง ที่ควรกินและไม่ควรกิน การเลือกอาหารและการปรับพฤติกรรมการกินให้เหมาะสม

MBTI ถอดบุคลิกภาพ ไขความสำเร็จในการทำงานร่วมกัน
คุณเคยรู้สึกหงุดหงิดกับเพื่อนร่วมงานที่มีบุคลิกตรงข้ามกับคุณไหม คุณอาจเป็นคนเปิดเผย ชอบความตื่นเต้น แต่ต้องมาทำงานกับคนเงียบขรึม ชอบทำอะไรคนเดียว บางครั้งก็ทำให้เกิดความขัดแย้งและไม่เข้าใจกันได้ ความแตกต่างทางบุคลิกภาพเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ไม่ใช่อุปสรรคที่ทำให้เราทำงานร่วมกันไม่ได้ หากเรามีความเข้าใจและยอมรับซึ่งกันและกัน

กิจกรรม 5ส คืออะไร (เข้าใจง่ายๆ ใน 5 นาที)
กิจกรรม 5ส คือเครื่องมือชั้นเยี่ยมในการจัดระเบียบและทำให้สามารถใช้พื้นที่ขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด แต่แท้จริงนั้นกิจกรรม 5ส คืออะไร มาหาคำตอบไปด้วยกัน

รวม 5 หลักการปรับ “ท่านั่งทํางานที่ถูกต้อง” ลดออฟฟิศซินโดรม
ท่านั่งทำงานที่ถูกต้อง ต้องนั่งยังไง? นั่งแบบไหนให้ไกลออฟฟิศซินโดรม? แนะนำ 5 หลักการที่ต้องปรับท่านั่งทำงานที่ถูกต้อง พร้อมวิธีเลือกเก้าอี้และโต๊ะถูกหลัก Ergonomics

Sport Day กีฬาสี
กิจกรรม Workshop “Meditationand Deep relaxation ”
เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2566 SAKID ได้จัดกิจกรรม Sport day กีฬาสีให้กับบริษัทเอสพีอินเตอร์แมค โดยได้แบ่งกิจกรรมกีฬาสีบวกกับความรู้เข้าไปผ่านเกม โดยมีนักกำหนดอาหารให้ความรู้ เช่น เกมชานม เกมวิ่งน้ำตาล โดยมีการอธิบายให้ความรู้ผ่านเกม