
Mental Health ในที่ทำงาน ปัญหาที่องค์กรไม่ควรมองข้าม
- 27/09/25
Mentral Health หรือสุขภาพจิตของพนักงาน กลายเป็นเรื่องสำคัญที่องค์กรไม่ควรมองข้าม เพราะไม่เพียงส่งผลต่อความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน แต่ยังสะท้อนตรงไปยังประสิทธิภาพการทำงาน ผลผลิตของทีม และภาพรวมขององค์กรโดยตรง
งานวิจัยจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้ว่า ความผิดปกติทางสุขภาพจิตในที่ทำงานสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจระดับโลกนับล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ขณะเดียวกัน กรมสุขภาพจิตของไทยก็รายงานว่า ความเครียดและภาวะซึมเศร้าเป็นสาเหตุหลักของการลาป่วยในองค์กรไทยจำนวนมาก
สำหรับ HR และผู้บริหารแล้ว การดูแล สุขภาพจิตพนักงาน จึงไม่ใช่เพียงเรื่องสวัสดิการ แต่คือการลงทุนเชิงกลยุทธ์ ที่ช่วยรักษาบุคลากรที่มีคุณค่า ลดความเสี่ยงจาก burnout
Mental Health ในที่ทำงาน
Mental health หมายถึง ความสามารถของบุคคลในการรับมือกับความเครียด การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการมีส่วนร่วมกับสังคมได้อย่างสมดุล เมื่อพนักงานมีสุขภาพจิตที่ดี พวกเขาจะสามารถใช้ศักยภาพได้เต็มที่ ทั้งในด้านความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา และการทำงานร่วมกับผู้อื่น
ปัจจัยที่กระทบสุขภาพจิตพนักงาน
• ปริมาณงานที่มากเกินไป และเวลาทำงานที่ไม่ยืดหยุ่น
• ความสัมพันธ์กับหัวหน้างานและเพื่อนร่วมงาน
• การขาดความมั่นคงในงาน และการประเมินผลที่ไม่ชัดเจน
• สภาพแวดล้อมในการทำงาน ที่ไม่เอื้อต่อสมดุลชีวิต-การทำงาน
ผลกระทบต่อองค์กรเมื่อมองข้าม
• อัตราการขาดงาน (absenteeism) สูงขึ้น
• ประสิทธิภาพการทำงานลดลง (presenteeism)
• การลาออกบ่อย (turnover rate)
• วัฒนธรรมองค์กรที่เป็นพิษ (toxic workplace)
สัญญาณเตือนปัญหาสุขภาพจิตในองค์กร
แม้หลายครั้งพนักงานจะไม่พูดตรง ๆ ว่ากำลังเผชิญปัญหาทางใจ แต่ก็มี สัญญาณเตือน ที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจน หาก HR และหัวหน้างานใส่ใจ จะสามารถช่วยเหลือได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
1. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการทำงาน
• ผลงานลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทำได้ดี
• มาสายบ่อยขึ้น หรือลาป่วยบ่อยโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน
• ไม่สนใจรายละเอียดงาน หรือตัดสินใจผิดพลาดมากขึ้น
2. การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และบุคลิกภาพ
• หงุดหงิดง่าย โมโหบ่อย หรือแสดงอารมณ์รุนแรง
• แยกตัว ไม่เข้าร่วมกิจกรรมทีม หรือหลีกเลี่ยงการประชุม
• แสดงอาการหมดไฟ เช่น พูดว่ารู้สึก “ไม่ไหวแล้ว” หรือ “หมดแรงใจ”
3. ปัญหาด้านความสัมพันธ์ในที่ทำงาน
• มีความขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงานมากขึ้น
• ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น หรือเงียบผิดปกติ
• หลีกเลี่ยงการพบปะสื่อสารกับหัวหน้างาน
4. สัญญาณด้านร่างกายที่สะท้อนสุขภาพจิต
• น้ำหนักขึ้นหรือลดลงเร็วผิดปกติ
• ปวดหัว นอนไม่หลับ หรือมีอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง
• ใช้สารเสพติด แอลกอฮอล์ หรือบุหรี่เพิ่มขึ้น
5. ผลกระทบเชิงองค์กรที่ควรจับตา
• อัตราการลาออกสูงผิดปกติในบางทีม
• จำนวนวันลาป่วยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
• Engagement score ลดลงจากการสำรวจพนักงาน
จากงานวิจัยที่ HR ควรรู้
งานวิจัยจาก Deloitte (2022) พบว่า 77% ของพนักงานประสบกับ burnout อย่างน้อยหนึ่งครั้ง
ในประเทศไทย กรมสุขภาพจิตรายงานว่า ปัญหาความเครียดและภาวะซึมเศร้าเป็นสาเหตุสำคัญของการลาป่วยในองค์กร

การดูแล Mental Health พนักงาน
เมื่อองค์กรตระหนักถึงความสำคัญของ mental health คำถามต่อมาคือ “แล้วจะเริ่มต้นอย่างไร?” เพราะการดูแลสุขภาพจิตพนักงานไม่สามารถแก้ปัญหาด้วยมาตรการเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัย กลยุทธ์ที่ครอบคลุมทั้งเชิงป้องกันและเชิงแก้ไข
การจัดการความเครียดในที่ทำงาน
• จัด workload management ให้สมดุล
• เพิ่ม flexible working hours หรือ work-from-home
• จัดอบรมเรื่อง การจัดการความเครียด และ mindfulness
การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ปลอดภัยทางจิตใจ (Psychological Safety)
องค์กรควรสร้างบรรยากาศที่พนักงานสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างไม่กลัวการถูกตัดสิน การมี ผู้นำที่ฟังจริง และเปิดโอกาสให้ feedback จะช่วยลดแรงกดดัน
การใช้ Employee Assistance Program (EAP)
EAP เป็นโปรแกรมที่มี นักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา สำหรับพนักงานที่เผชิญปัญหาความเครียด ครอบครัว หรือการเงิน สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ EAP คืออะไร

Workshop นักจิตวิทยาและการปรึกษาออนไลน์สำหรับพนักงาน
หนึ่งในกลยุทธ์ที่องค์กรสามารถใช้เพื่อดูแล mental health ของพนักงานอย่างมีประสิทธิภาพ คือการจัดให้มี Workshop ด้านสุขภาพจิต และการเปิดช่องทาง ปรึกษานักจิตวิทยาออนไลน์ ซึ่งตอบโจทย์พนักงานยุคใหม่ที่อาจไม่สะดวกเดินทางไปพบผู้เชี่ยวชาญด้วยตนเอง
ทำไม Workshop นักจิตวิทยาจึงสำคัญ
• ช่วยให้พนักงานเข้าใจ การจัดการความเครียด และเทคนิคปรับอารมณ์ในชีวิตประจำวัน
• เปิดพื้นที่ให้พนักงานได้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และเรียนรู้ร่วมกัน
• เสริมสร้างความเข้าใจเรื่อง การป้องกัน burnout และการสร้างสมดุลชีวิต-งาน
• เป็นกิจกรรมที่แสดงให้องค์กรเห็นถึงความใส่ใจต่อสุขภาพจิตของบุคลากร
ตัวอย่างหัวข้อเวิร์กช็อปที่ได้รับความนิยมในองค์กร
• Mindfulness at Work ฝึกสติในที่ทำงานเพื่อลดความเครียด
• Stress Management 101 เทคนิคจัดการความเครียดแบบง่าย ๆ
• Building Resilience การสร้างภูมิคุ้มกันทางใจเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลง
ปรึกษานักจิตวิทยาออนไลน์: การเข้าถึงที่ง่ายขึ้น
ปัจจุบันหลายองค์กรเปิดบริการ Online Counseling ให้พนักงานสามารถพูดคุยกับนักจิตวิทยาได้ผ่านแอปพลิเคชัน วิดีโอคอล หรือแชทส่วนตัว ข้อดีคือ
• เข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง
• รักษาความเป็นส่วนตัว ทำให้พนักงานรู้สึกปลอดภัยในการเปิดใจ
• ลดอุปสรรคเรื่อง stigma เพราะหลายคนยังรู้สึกไม่กล้าไปพบผู้เชี่ยวชาญแบบตัวต่อตัว
การมีทั้ง Workshop และ Online Counseling จะช่วยให้องค์กรดูแลสุขภาพจิตพนักงานได้ครบมิติ ทั้งเชิงป้องกันและการให้ความช่วยเหลือเฉพาะราย
Checklist 5 ขั้นตอนดูแล Mental Health พนักงาน
✅ ประเมินสถานการณ์ ใช้แบบสอบถามความเครียดและ burnout
✅ เปิดช่องทางรับฟังอย่างจริงใจ ให้องค์กรแสดงความตั้งใจที่จะรับฟังความคิดเห็น
✅ จัดโปรแกรมสนับสนุน เช่น EAP หรือกิจกรรมเวิร์คช็อป
✅ ฝึกอบรมหัวหน้างาน ให้เข้าใจการสังเกตสัญญาณสุขภาพจิต
✅ ติดตามและปรับปรุง ใช้ KPI เช่น turnover rate, sick leave days
Mental healthในที่ทำงานไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่คือปัจจัยหลักที่กำหนดคุณภาพชีวิตของพนักงานและความยั่งยืนขององค์กร หาก HR และผู้บริหารเริ่มลงมือวันนี้ องค์กรจะได้ผลลัพธ์ทั้งในด้าน performance และ people อย่าปล่อยให้ความเครียดและ burnout ทำลายทีมของคุณ มาร่วมสร้างองค์กรที่ใส่ใจสุขภาพจิตพนักงานไป
แล้วควรจัดกิจกรรมแบบไหนดี ระยะเวลานานเท่าใด คำตอบนี้ก็ต้องปรับให้เหมาะสมกับบริบทแต่ละองค์กร แต่หากไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ปรึกษา SAKID ได้ เราไม่ใช่แค่ผู้นำกิจกรรมสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ปรึกษาช่วยออกแบบกิจกรรมสุขภาพให้เหมาะสมกับแต่ละองค์กร รวมทั้งวิเคราะห์ผลลัพธ์ทางสุขภาพให้จบครบในที่เดียว ทำให้คนในองค์กรมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน
Workshop กับ SAKID เรื่องการดูแลสุขภาพ ไม่ว่าจะเรื่องอาหาร ทำอาหารสุขภาพ Cooking class สุขภาพจิตปรึกษานักจิตวิทยาแบบรายบุคคลหรือทำกิจกรรมคลาสกลุ่ม นักกายภาพออฟฟิศซินโดรม โดยเรามีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่จะมาให้ความรู้เข้าใจแบบย่อยง่ายและลองทำกิจกรรมร่วมกัน อาทิเช่น คลาสโยคะ คลาสซุมบ้า คลาสออกกำลังกายหลังเลิกงาน สามารถสอบถามและช่วยออกแบบ Workshop ให้ตรงกับไลฟ์สไตล์พนักงานในบริษัทได้
แหล่งอ้างอิง
World Health Organization. (2022). Mental health in the workplace. WHO.
Deloitte. (2022). Women @ Work: A global outlook. Deloitte Insights.
กรมสุขภาพจิต. (2565). รายงานสุขภาพจิตคนทำงาน. กระทรวงสาธารณสุข
บทความที่น่าสนใจ

แนะนำ สวัสดิการอาหารพนักงาน สำหรับองค์กรที่มีโรงอาหาร
ในหลายองค์กร โรงอาหาร (Canteen) คือหนึ่งในสวัสดิการหลักที่พนักงานใช้ทุกวัน แต่คำว่า สวัสดิการอาหารพนักงาน ไม่ได้หมายถึงแค่การมีข้าวแกงราคาถูกหรืออาหารกลางวันฟรีเท่านั้น หากมองลึกไปกว่านั้น ยังมีรูปแบบสวัสดิการอาหารอื่นๆอีกซึ่งเราจะมาดูกันในบทความนี้ว่า สวัสดิการอาหารแบบไหนจะช่วยให้พนักงานได้สุขภาพกันมากขึ้น

WORKSHOP Healthy Canteen
กิจกรรม “อบรม พ่อครัว แม่ครัว ให้ทำอาหารสุขภาพมากขึ้น”
เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 SAKID ได้จัดกิจกรรม Workshop “อบรม พ่อครัว แม่ครัว ให้ทำอาหารสุขภาพมากขึ้น”

แจกแจง “กิจกรรม 5 ส มีอะไรบ้าง” เพื่อการทำงานในองค์กรที่ดียิ่งขึ้น
เพราะสภาพแวดล้อมในที่ทำงานก็เป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มศักยภาพของคนในองค์กร ยิ่งสภาพแวดล้อมดี คนทำงานก็สุขภาพดีไปด้วย ลองหันมาใช้แนวคิด 5 ส. กัน

HR tech Thailand 2023
กิจกรรมออกบูธ HR tech Thailand 2023
วันที่ 14-15 มิถุนายน 25656 SAKID ได้ออกบูธประชาสัมพันธ์แอพลิเคชั่น “สะกิด” ในงาน HR Tech เพื่อแนะนำให้รู้จักกับแอพว่าใช้ออกแบบกิจกรรมสุขภาพอย่างไร และเปิดให้ทดลองใช้ ฟรี 7 วัน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสำหรับองค์กรที่ถ่ายรูปคู่น้องสะกิดลุ้นรับ Workshop นักกำหนดอาหารฟรี 1ชม. ได้ทั้งความรู้สุขภาพและภารกิจสุขภาพดีสนุก ๆ จาก สะกิดกันได้เลย
จัดการความเสี่ยง เริ่มต้นที่สุขภาพพนักงาน
กิจวัตรประจำวันของพนักงานออฟฟิศนอกจากจะนั่งทำงานอย่างยาวนานแล้ว สิ่งหนึ่งที่พบเจอในองค์กรเมื่อตรวจสุขภาพประจำปี นั่นก็คือ ค่าไขมันสะสมสูงอาจจะเพราะว่าการเลือกกินอาหารที่มีไขมันสูง น้ำหวาน ซึ่งอาจจะเข้าใจได้ว่าเกิดจากวัฒนธรรมองค์กรที่ช่วงบ่ายๆ เหนื่อยๆ มีความเครียดในที่ทำงานจนต้องหาน้ำหวาน ขนม มากิน ผนวกกับการนั่งทำงานนานๆ ไม่ขยับตัวจนไม่เกิดการเผาผลาญของร่างกายและนี่คือพฤติกรรมเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคต่างๆ อย่างเช่น อ้วนลงพุง ไขมันในเลือดสูง ไขมันพอกตับ ไตรกลีเซอไรด์สูง เบาหวาน เป็นต้น

สร้าง Employee Wellbeing อย่างไร ให้พนักงานสุขภาพดี
Employee Wellbeing หรือ “สุขภาวะพนักงาน” หมายถึง สภาวะที่พนักงานมีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และการทำงานอย่างมีความสุข ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ระบุว่า “สุขภาวะที่ดีไม่ใช่แค่การไม่มีโรค แต่คือการมีชีวิตที่สมบูรณ์ในทุกมิติ”