
การดูแลพนักงานเจนใหม่ Gen Z ด้วยแนวทางจิตวิทยา
- 09/01/25
ในยุคปัจจุบัน พนักงานกลุ่ม Gen Z และ Millennials กลายเป็นกำลังสำคัญขององค์กรทั่วโลก ด้วยความที่ทั้งสองกลุ่มเติบโตมาในยุคที่เทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมมีบทบาทสำคัญ พวกเขามีมุมมองต่อชีวิต การทำงาน และความสำเร็จที่แตกต่างจากคนรุ่นก่อน การจัดการคนกลุ่มนี้จึงจำเป็นต้องเข้าใจจิตวิทยาและพฤติกรรมเฉพาะตัวของพวกเขา เพื่อสร้างความผูกพันและดึงศักยภาพออกมาให้ได้มากที่สุด
จุดเด่นของพนักงาน Gen Z และ Millennials
Gen Z (เกิดปี 1997-2012)
• เติบโตในยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ มีทักษะด้านเทคโนโลยีสูง
• ใส่ใจในคุณค่าของตัวเองและมองหางานที่มีความหมาย
• มีความอดทนน้อยต่อระบบที่ซับซ้อน และคาดหวังความรวดเร็ว
• ให้ความสำคัญกับสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงาน (Work-Life Balance)
Millennials (เกิดปี 1981-1996)
• เป็นรุ่นที่มีความคุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัว
• มุ่งมั่นในความก้าวหน้าและการพัฒนาตนเอง
• ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ในที่ทำงานและการยอมรับจากผู้อื่น
• ชื่นชอบการทำงานในองค์กรที่มีเป้าหมายชัดเจนและคุณค่าที่สอดคล้องกับตนเอง
แนวทางจิตวิทยาในการดูแลและจัดการ
1.สร้างความหมายในงาน (Purpose-Driven Work) ►
• คนเจนใหม่ต้องการเห็นว่างานที่พวกเขาทำมีผลกระทบต่อสังคมหรือองค์กรอย่างไร การสื่อสารเป้าหมายและความสำคัญของงานจึงเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นให้พวกเขารู้สึกมีคุณค่าและมีแรงจูงใจ
• ใช้แนวคิด “Job Crafting” โดยเปิดโอกาสให้พนักงานมีส่วนร่วมในการออกแบบงานของตัวเอง เพื่อให้พวกเขาได้ใช้ความสามารถในแบบที่ถนัดและตรงกับความสนใจ
2.ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนา (Growth Mindset) ▲
• จัดโปรแกรมพัฒนาทักษะและสนับสนุนการเรียนรู้ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น การฝึกอบรมออนไลน์ การเข้าร่วมเวิร์คช็อป หรือโครงการแลกเปลี่ยนความรู้ในทีม
• ส่งเสริมวัฒนธรรมที่ยอมรับความผิดพลาด (Failure-Friendly Culture) เพื่อให้พนักงานรู้สึกมั่นใจที่จะลองสิ่งใหม่ๆ
3.ให้ความยืดหยุ่น (Flexibility) ↔
• เปิดโอกาสให้พนักงานจัดการเวลาทำงานของตัวเอง เช่น ระบบ Hybrid Work หรือการทำงานทางไกล (Remote Work)
• ใช้แนวคิด “ผลลัพธ์สำคัญกว่าชั่วโมงทำงาน” โดยประเมินพนักงานจากผลลัพธ์ของงานมากกว่าจำนวนเวลาที่ใช้
4.สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในองค์กร (Social Connection) ☼
•ส่งเสริมการทำงานเป็นทีมและการสื่อสารที่เปิดกว้าง เช่น การจัดกิจกรรมสร้างทีม (Team Building) หรือแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับการพูดคุย
• ใช้การโค้ช (Coaching) หรือที่ปรึกษา (Mentoring) เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำและพนักงาน
5.ยอมรับและตอบสนองต่อความต้องการที่แตกต่าง ►◄
• ใช้การสำรวจหรือพูดคุยเพื่อเข้าใจว่าพนักงานแต่ละคนต้องการอะไร เช่น บางคนอาจต้องการคำชมเชย บางคนอาจต้องการโอกาสในการแสดงศักยภาพ
• ออกแบบสวัสดิการที่หลากหลาย เช่น การให้เวลาพักผ่อนเพิ่ม (Mental Health Day) หรือสิทธิประโยชน์ด้านการเรียนรู้
6.ส่งเสริมสุขภาพจิต (Mental Well-Being) ☺
• จัดโปรแกรมหรือกิจกรรมที่ช่วยลดความเครียด เช่น โยคะ การทำสมาธิ หรือบริการให้คำปรึกษาด้านจิตวิทยา
• สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดยสนับสนุนการพูดคุยเรื่องสุขภาพจิตอย่างเปิดเผย
ตัวอย่างวิธีการที่น่าสนใจ
Google: ใช้แนวทาง “20% Time” ที่เปิดโอกาสให้พนักงานใช้เวลา 20% ของเวลางานทำโปรเจกต์ที่พวกเขาสนใจ ซึ่งช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และการพัฒนา
Patagonia: สนับสนุนการมีส่วนร่วมของพนักงานในกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งตรงกับค่านิยมของคนเจนใหม่ที่ใส่ใจเรื่องสังคม
LinkedIn: ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะพนักงานโดยมีคอร์สเรียนออนไลน์และการให้คำปรึกษาสำหรับการเติบโตในสายอาชีพ
การบริหารจัดการพนักงาน Gen Z และ Millennials ไม่ใช่เรื่องยากหากเรามีความเข้าใจและปรับตัวให้เข้ากับมุมมองของพวกเขา การนำแนวทางจิตวิทยามาประยุกต์ใช้จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างองค์กรและพนักงาน พร้อมดึงศักยภาพของพวกเขาออกมาให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้เมื่อทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันและเติบโตไปพร้อมๆ กันได้ แต่ถ้าหากองค์กรไหนยังไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร สามารถเริ่มโดยจัด Workshop นักจิตวิทยากับSAKID ได้ เรามีนักจิตวิทยาที่จะช่วยให้พนักงานเข้าใจปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าเรื่องความสัมพันธ์ ความเครียด Burn-out หรือปัญหาสุขภาพในที่ทำงานด้านอื่นๆ ภาวะพนักงานน้ำหนักเกิน โรคNCDs ออฟฟิศซินโดรม สามารถให้ผู้เชี่ยวชาญ นักจิตวิทยา นักกำหนดอาหาร นักกายภาพ ออกแบบ Workshop หรือ private consult กับเราได้
บทความที่น่าสนใจ

Well being the future hr trends
การให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีในที่ทำงานไม่ใช่แค่เทรนด์ที่ผ่านไปเท่านั้น แต่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในวงกว้างมากขึ้นในมุมมองของธุรกิจและสังคมต่อบทบาทของการทำงานและความสำคัญของสวัสดิการของพนักงาน ปัจจัยหลายอย่างมีส่วนทำให้การเน้นเรื่องสุขภาพและสภาพสิ่งแวดล้อมในการทำงานที่ดีเพิ่มมากขึ้น

Workation คืออะไร จะเลือกที่เที่ยวพร้อมกับทำงานอย่างไรดี
Workation ต้องทำอย่างไรบ้าง? แนะนำทิปสำหรับคนทำงาน HR และองค์กร พร้อมข้อดี-ข้อเสียของ Workation จะเลือกสถานที่ Workation ที่ไหนดี ได้ทั้งเที่ยวและทำงาน

Workshop การเงิน มีเงินเก็บยันเกษียณ
เริ่มต้นดูแลสุขภาพการเงินให้กับพนักงาน ด้วยการให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง ในเรื่องการเงิน ทั้งเรื่องภาษี การแบ่งเงินเก็บออม การลงทุน การซื้อประกันให้เหมาะสมกับตัวเอง และการวางแผนเกษียณอย่างมีคุณภาพ กับนักการเงินผู้ที่มีประสบการณ์ ที่อยากให้คุณวางแผนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน

WFH ในหน้าร้อนอย่างไร สบายกายและกระเป๋า
สภาวะฝุ่นPM 2.5 ซึ่งเป็นสถานการณ์วิกฤติมลพิษทางอากาศที่หลายพื้นที่ในประเทศไทยกำลังเผชิญมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ที่วัดค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (Air Quality Index : AQI) สูงถึง 372 ณ วันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2566 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับอันตรายมีผลกระทบต่อสุขภาพ จังหวัดเชียงใหม่จึงกลายเป็นเมืองที่มีอากาศแย่อันดับหนึ่งของโลก จนผู้ว่าฯต้องออกประกาศขอความร่วมมือทุกหน่วยงาน Work from Home

ทำอย่างไร เมื่อคนในองค์กรมีไขมันในเลือดสูง
ทุกธุรกิจ ทุกองค์กร มีการจัดการคนทำงานในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ถ้าวันนี้ลองสังเกตดูว่า พนักงานของเรา ยังมีความสุขในการทำงานหรือไม่ การทำงานของแต่ละคนมีประสิทธิภาพที่ตอบโจทย์องค์กรมากแค่ไหน และคุณภาพชีวิตของพนักงานดีขึ้นทุกด้านรึเปล่า หากผู้นำหรือผู้บริหารสามารถมองจุดนี้ได้ ธุรกิจก็จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน

จัดประชุมอย่างไรให้ดีต่อกายใจ
การนั่งประชุมต่อเนื่องเป็นเวลานานถือเป็นพฤติกรรมเนือยนิ่ง ส่งเสริมให้เกิดโรค NCDs การสร้างวัฒนธรรมการประชุมที่มีองค์ประกอบการประชุมที่่ส่งเสริมสุขภาพย่อมมีส่วนส่งเสริมวิถีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพในสถานที่ทำงาน ช่วยให้คนวัยทำงานมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี อีกทั้งยังได้ผลลัพธ์การประชุมที่มีประสิทธิภาพ