
Employee Assistance Program ยุคใหม่ช่วยอะไรคุณได้บ้าง
- 21/10/22
Employee Assistance Program ถูกสร้างขึ้นมาบนพื้นฐานที่ว่า “ปัญหาส่วนตัวของพนักงาน มักส่งผลกระทบต่อการทำงาน” และเมื่อพนักงานมีปัญหาส่วนตัว มักไม่ค่อยปรึกษาหัวหน้าหรือหน่วยงาน HR แต่เลือกที่จะไม่ปรึกษาใคร จนกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ก่อให้เกิดผลเสียทั้งกับงานและชีวิตส่วนตัว และบางครั้ง อาจถึงขั้นวิกฤตเลยก็เป็นได้นั่นเอง
รูปแบบ Employee Assistance Program ในปัจจุบัน
Employee Assistance Program นั้นมุ่งเน้นในความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งไม่ได้หมายถึงเพียงสภาพแวดล้อมที่เขาอยู่อาศัยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่นั่นยังรวมไปถึงสภาพจิตใจของพวกเขาที่มีในชีวิตประจำวัน ที่เป็นอีกส่วนสำคัญสำหรับการทำงาน ฉะนั้น การแก้ปัญหาทางด้านความเครียดจากชีวิตส่วนตัวหรือการทำงาน, การรับมืออารมรณ์ทางลบของพนักงาน รวมไปถึงสุขภาพจิตโดยรวมของพวกเขา และการสร้างความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต จึงเป็นสิ่งที่ EAP มุ่งหวังอยากให้เป็น
โดยในปัจจุบัน EAP มีการพัฒนาไปเป็นอย่างมาก ทำให้มีการครอบคลุมไปในหลายรูปแบบ ซึ่งสามารถจัดรูปแบบคร่าว ๆ ได้ 8 รูปแบบ ดังนี้
1. โปรแกรมดูแลสุขภาพพนักงาน
ปัจจัยหลักของสุขภาพพนักงานนั้น คงหลีกหนีไม่พ้นเกี่ยวกับเรื่องอาหารการกินและสุขภาพร่างกาย EAP รูปแบบนี้ จึงเป็นการเข้ามาดูแลและคอยช่วยเหลือในส่วนดังกล่าว ด้วยโปรแกรมสุขภาพที่จะเข้ามาช่วยในการออกกำลังกาย และอาหารการกินตามหลักโภชนาการที่มีประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อให้พนักงานนั้นมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงในระยะยาวนั่นเอง
2. การปรับปรุงความสัมพันธ์ส่วนตัวของพนักงาน

มีหลายครั้ง ที่ความสัมพันธ์ส่วนตัวของพนักงานนั้นมีปัญหาเกิดขึ้น ทั้งเรื่องของชีวิตคู่, ครอบครัว หรือแม้กระทั่งเพื่อนร่วมงานและหัวหน้างาน จนส่งผลกระทบกับงานที่ทำอยู่ได้เป็นอย่างมาก EAP รูปแบบนี้จึงเป็นการเข้าไปช่วยแก้ไข และให้คำปรึกษากับพนักงานที่เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้น เพื่อให้พวกเขาได้ปรับปรุงความสัมพันธ์ส่วนตัวของตัวเองให้ดียิ่งขึ้นไปกว่าเดิม
3. การจัดการกับความท้าทายในสถานที่ทำงาน
เป็นปกติที่การทำงานมักจะเกิดความท้าทายต่าง ๆ กับพนักงานขึ้นเป็นปกติ ทั้งความท้าทายในแง่ที่ดี รวมไปถึงความท้าทายในแง่ที่ไม่ดี ซึ่งการจัดการกับมันก็เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่ใช่พนักงานทุกคนที่สามารถรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นนี้ได้ จนก่อไปสู่ปัญหาความเครียด และสมดุลของชีวิตที่พังทลาย อันเป็นเหตุให้ประสิทธิภาพการทำงานนั้นลดลงไปได้
4. ลดปัญหาการติดสิ่งเสพติดต่าง ๆ
สิ่งเสพติด เรียกได้ว่าเป็นปัญหาเรื้อรังที่อาจเกิดขึ้นได้กับในพนักงานของทุก ๆ องค์กร ทั้งการติดยาเสพติด, การติดการพนัน และแอลกอฮอล์หรือยาสูบ ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง และกลายเป็นปัญหาใหญ่กับทั้งตัวพนักงานและองค์กร การเข้าไปช่วยบรรเทาและทำให้หายขาดจึงเป็นสิ่งที่ EAP รูปแบบนี้จะเข้าไปจัดการ
5. ให้ข้อมูลการดูแลเด็กและผู้สูงอายุ
ในบางครั้งสำหรับพนักงานที่มีครอบครัว และไม่มีเวลาในการดูแลคนที่บ้านของตัวเอง อาจจะมีสาเหตุมาจากเวลาไม่เพียงพอ หรือเสาหลักของบ้านทำงานด้วยกันทั้งคู่ การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลคนเหล่านั้น ด้วยการให้ข้อมูลการดูแลเด็กและผู้สูงอายุแบบครอบคลุมนั่นเอง
6. การให้คำแนะนำทางกฎหมาย

ข้อกฎหมายหลาย ๆ อย่างที่จำเป็น มักเป็นเรื่องยากสำหรับพนักงานหลายคนที่ไม่เคยศึกษา ทั้งในเรื่องของการแต่งงาน, หย่าร้าง หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง การให้คำปรึกษาเรื่องราวเหล่านี้ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งในการให้การดูแลของ EAP ที่จะเข้าไปช่วยพนักงานเหล่านั้น และชี้ถึงข้อกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวที่พนักงานนำมาปรึกษา
7. ปรับปรุงแนวทางการเงินของพนักงาน
ความผิดพลาดในการบริหารการเงินของพนักงานถือเป็นสิ่งที่พบได้บ่อย แทบจะทุก ๆ ในองค์กรเลยก็ว่าได้ บริการ EAP หลาย ๆ แห่งจึงได้มีการจัดตั้งการให้บริการส่วนนี้ขึ้นโดยเฉพาะเช่นกัน ทั้งในเรื่องของการบริหารหนี้, การล้มลาย รวมไปถึงการเงินหลังเกษียณอายุ เพื่อให้พนักงานได้ปรับปรุง, ป้องกัน และเตรียมพร้อมสำหรับการจัดการการเงินของตัวเองไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต
8. การสนับสนุนการโยกย้ายภายในประเทศ
บางครั้ง การย้ายสถานที่ทำงานหรือย้ายที่อยู่ก็สร้างความเครียดให้กับพนักงานเป็นอย่างมาก เพราะการปรับตัวเข้ากับสถานที่ใหม่ ๆ นั้นเป็นเรื่องที่ยากเสมอ ทั้งสำหรับตัวของพนักงานเอง และครอบครัวของพนักงาน จึงจำเป็นจะต้องมีการให้คำปรึกษาในด้านนี้โดยเฉพาะขึ้นมา ทั้งในเรื่องของการประเมินสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง, ความเครียดจากการย้าย, การปรับตัวใหม่ รวมไปถึงการสนับสนุนครอบครัวของพนักงาน และข้อมูลโรงเรียนสำหรับเด็ก
สัญญาณอันตรายของพนักงานที่อาจจะจำเป็นต้องใช้ Employee Assistance Program
พนักงานภายในองค์กรมักจะมีปัญหาที่ไม่ทราบว่าตัวเองจำเป็นจะต้องใช้ EAP หรือไม่ เนื่องจากเป็นปัญหาของตัวเองที่มองเห็นได้ยาก และในบางคนเองก็ไม่ยอมรับว่าเกิดขึ้นจริง ซึ่งสำหรับหัวหน้างานแล้ว อาจจะจำเป็นต้องสังเกตุอยู่บ่อยครั้ง หรือหากใครที่ไม่มั่นใจว่าตนเองจำเป็นต้องพึ่ง EAP หรือไม่ ก็สามารถดูเกณฑ์ต่าง ๆ ได้ดังนี้
-เริ่มมีการขาดงานหรือทำงานอย่างเชื่องช้า
-ประสิทธิภาพหรือผลผลิตลดลง
-มีอาการสับสนหรือความจำไม่ดี
-ภาวะอารมณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (ภาวะซึมเศร้า, ความวิตกกังวล)
-โมโหหรือหงุดหงิดมากเกินไป

-การเปลี่ยนแปลงในลักษณะทางกายภาพ, น้ำหนัก และสุขอนามัย
-รายงานความเครียดส่วนบุคคล
-มีอารมณ์อ่อนไหว หรือร้องไห้บ่อย
-มีการใช้สารเสพติดกับตัวเอง
ซึ่งข้อมูลความเปลี่ยนแปลงของพนักงานเหล่านี้ ถือว่าเป็นข้อมูลที่จำเป็นในการประเมินว่าต้องการใช้ Employee Assistance Program หรือไม่ การมีแอปพลิเคชันที่เข้ามาช่วยซัพพอร์ตข้อมูลสุขภาพอย่าง SAKID จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม และช่วยลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับทรัพยากรบุคคลอันมีค่าขององค์กรลงไปได้อีกด้วย
อะไรคือปัญหาที่พนักงานแทบไม่ใช้ Employee Assistance Program
1. พนักงานไม่รู้ว่า EAP คืออะไร
อุตสาหกรรมส่วนใหญ่มักมีศัพท์แสงอยู่มากมายในทรัพยากรบุคคล หรือ HR ด้วยเหตุนี้ พนักงานจำนวนมากจึงไม่เข้าใจอย่างแท้จริงว่า EAP นั้นเกี่ยวกับอะไรกันแน่ ซึ่งเป็นผลเสียต่อตนเองในยามที่จำเป้นที่จะต้องใช้งาน
โดยในปัจจุบัน EAP มักจะจัดการกับปัญหาที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงภาวะซึมเศร้า, ความเครียด, การใช้ยาเสพติด, ปัญหาด้านความสัมพันธ์, ปัญหาทางด้านอาชีพ, สุขภาพ และความสมบูรณ์ในชีวิต รวมไปถึงความกังวลด้านการเงิน, กฎหมาย และการดูแลครอบครัว โดยเฉพาะกับเด็กและผู้สูงอายุ
Sarah Dowzell ผู้ร่วมก่อตั้ง NaturalHR ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีด้านทรัพยากรบุคคล ที่ก่อนหน้านี้เคยทำงานด้านทรัพยากรบุคคลให้กับองค์กรจำนวนมาก กล่าวว่า ในหลาย ๆ องค์กรนั้นมีสถิติรายไตรมาสจากผู้ให้บริการ EAP ที่แสดงให้เห็นว่าแทบไม่มีการใช้บริการ “ในเวลานั้นความรู้สึกจากทีมทรัพยากรบุคคล คือเราสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ เพื่อสื่อสารว่า EAP คืออะไร และปัญหาประเภทใดบ้างที่สามารถรองรับได้ผ่านบริการ เพื่อให้พวกเขามั่นใจว่าพนักงานที่มารับบริการจะได้ผลที่ดีขึ้น และเป็นความลับ”
2. EAP นั้นยากที่จะนำมาสื่อสารให้เข้าใจโดยทั่วกัน
แม้ว่า EAP จะให้ความช่วยเหลือที่เป็นประโยชน์มากมาย แต่ข้อมูลทั้งหมดนั้นก็ยากที่จะนำมาดำเนินการต่อ ภาระจึงมักจะตกอยู่กับผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรบุคคล ในการสื่อสารคุณสมบัติต่าง ๆ ของโปรแกรม EAP ให้พนักงานภายในองค์กรนั้นเข้าใจ
บริษัท International Employee Assistance Professionals Association (EAPA) ตั้งข้อสังเกตว่า องค์กรขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง มักมีแนวโน้มที่จะมีอัตราการมีส่วนร่วมที่ดีกว่า (แม้ว่าพวกเขาจะปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลที่เฉพาะเจาะจง) อาจเป็นเพราะช่องทางการสื่อสารมีประสิทธิภาพมากกว่าก็เป็นได้
3. พนักงานกลัวที่จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
แม้ว่าบริการ EAP จะเป็นความลับ แต่พนักงานหลาย ๆ คนเองก็กังวลว่าข้อมูลของตนเองอาจจะรั่วไหลไปยังฝ่ายบริหารได้อยู่ดี ซึ่งในความเป็นจริง อัตราการมีส่วนร่วม EAP มักจะดีขึ้นในองค์กรที่จัดการข้อมูลได้ดีและมีความน่าเชื่อถือ
แต่ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม พนักงานควรจะทราบว่าข้อมูลของพวกเขาที่เปิดเผยต่อมืออาชีพ EAP จะถูกเปิดเผยต่อหัวหน้างานของพวกเขา ก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าของข้อมูลเท่านั้น โดยปกติ พนักงานจะต้องลงนามในคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร เกี่ยวกับข้อมูลที่อาจถูกปล่อยออกมาและให้ใครทราบได้บ้าง
ซึ่งกรณีเหล่านี้เป็นสิ่งที่หาได้ยากและมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ ปัญหานั้นอาจส่งผลโดยตรงต่อการจ้างงานของพนักงานคนดังกล่าว เช่น คนที่ต่อสู้กับโรคพิษสุราเรื้อรัง และใช้เครื่องจักรกลหนักในการทำงาน เช่นนั้นแล้ว นายจ้างของคุณจึงจะไม่ได้รับแจ้งด้วยซ้ำ ว่าคุณใช้บริการ EAP อยู่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม
4. ปัญหาอาจดูเล็กเกินไป
EAP ไม่ได้มีไว้สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้สารเสพติด หรือผู้มีปัญหาความเจ็บป่วยทางจิตเท่านั้น นอกจากนี้ยังสามารถช่วยพนักงานที่ต้องการความสมดุลในชีวิต หรือช่วยในการควบคุมโภชนาการในชีวิตของตัวเองอีกด้วย ซึ่ง HR สามารถเพิ่มอัตราการมีส่วนร่วมของ EAP ได้ด้วยการเตือนพนักงานว่ามีบริการดังกล่าวอยู่และสามารถใช้งานได้ฟรีนั่นเอง
และอาจจะรวมไปถึงการพูดคุยถามไถ่เกี่ยวกับสารทุกข์สุขดิบต่าง ๆ ทั้งในเรื่องเกี่ยวกับที่ทำงานและชีวิตส่วนตัวของพวกเขาเพื่อเป็นการให้พวกเขาได้ฉุกคิด และไตร่ตรองปัญหาของตัวเองว่าจำเป็นจะต้องพึ่งพาการใช้ EAP แล้วหรือยัง
Employee Assistance Program ในต่างประเทศที่น่าสนใจในปัจจุบัน

1. LifeWorks
เป็นโปรแกรมช่วยเหลือพนักงานระดับแนวหน้า ที่เน้นการรับรู้ และสร้างแรงจูงใจให้พนักงานใช้แพลตฟอร์มของตน พวกเขาเสนอแอปพลิเคชันที่ช่วยให้ทีมสามารถขอคำปรึกษา และให้คำแนะนำการใช้ชีวิตได้โดยไม่ระบุชื่อ ผ่านเครือข่ายโซเชียลส่วนตัวของพวกเขา ซึ่งช่วยให้สามารถรับรู้ความสำเร็จร่วมกันได้ และตัวของ LifeWorks เองยังให้การสนับสนุนด้านสุขภาพทางการเงิน และสวัสดิการทางการเงินแก่พนักงานอีกด้วย
2. CoprCare
เป็นโครงการช่วยเหลือพนักงานให้กับบริษัทต่าง ๆ ทั่วประเทศ รูปแบบของพวกเขาจะเป็นการช่วยให้เข้าถึงการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญผ่านเครือข่ายผู้ดูแล ซึ่งบริการของพวกเขานี้จะรวมถึงการเสนอนักบำบัดระดับปริญญาโท ตลอด 24 ชั่วโมง และ ตลอด 7 วันต่อสัปดาห์ และยังมีบริการแปลภาษาในการให้คำปรึกษาอีกด้วย
3. BHS
เป็นการให้การดูแลแบบองค์รวม ผ่านโปรแกรมช่วยเหลือพนักงานแบบออนไลน์ ที่จัดการกับความท้าทายของพนักงานผ่านการให้คำปรึกษา และให้การวิเคราะห์เกี่ยวกับการใช้โปรแกรม แพทย์ระดับปริญญาโทของพวกเขา มีทักษะในการดูแลความต้องการของพนักงานแต่ละคนได้เป็นอย่างดี และแต่ละกรณีที่พวกเขาจัดการ จะถูกติดตามตั้งแต่ต้นจนจบโดยผู้จัดการแต่ละราย ซึ่งพนักงานสามารถเข้าถึงเซสชั่นแบบเห็นหน้ากัน และเซสชั่นโทรศัพท์กับแพทย์ได้ไม่จำกัด
4. Modern Health
EAP ของที่นี่จะแบ่งความรุนแรงของสุขภาพจิตออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ สีแดง, สีส้ม และสีเขียว ซึ่งพวกเขาให้ทรัพยากรสำหรับพนักงานที่อยู่ในแต่ละประเภทแตกต่างกัน โดยการวิเคราะห์เชิงลึกจะช่วยให้หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลของพวกเขา เข้าใจสุขภาพจิตของพนักงานในบริษัทได้ดีขึ้น ซึ่งเซสชันกลุ่มแบบสดจะช่วยให้พนักงานเชื่อมต่อและรักษาร่วมกัน โดยมีนักบำบัดจากทั่วทุกมุมโลกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายผู้ให้บริการของตน
สรุป
นอกจาก Employee Assistance Program จะเป็นโปรแกรมที่ช่วยพนักงานภายในองค์กร ให้สามารถแก้ไขปัญหาส่วนตัวและจัดการสิ่งต่าง ๆ ของตนตามความต้องการแล้ว ตัวโปรแกรมเองก็มีการรักษาความลับเพื่อช่วยให้พนักงานรู้สึกปลอดภัยในการขอคำปรึกษา และสามารถมุ่งเน้นความสนใจไปที่การแก้ปัญหาได้โดยไม่ต้องหวาดระแวงว่าคนรอบตัวอาจจะทราบได้
โดยคุณสามารถอ่านเรื่องราวของ Employee Assistance Program เพิ่มเติมได้ที่บทความ EAP คือ ? และหากคุณสนใจโปรแกรมเพื่อส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพจิตให้คนทำงานในองค์กร สามารถเข้าดูได้ที่บริการของเรา เรายินดีที่จะเป็นส่วนหนึ่งในองค์กรของคุณเติบโตขึ้น
บทความที่น่าสนใจ

“จัดโต๊ะทำงาน” สร้างสุขในการทำงานง่ายๆ ด้วยความเป็นระเบียบ
เคยไหม? ก่อนเริ่มทำงาน ต้องจัดโต๊ะ จัดห้องให้เรียบร้อยก่อน ไม่งั้นจะรู้สึกหงุดหงิด ไม่มีสมาธิทำงาน ไขประโยชน์ของการจัดโต๊ะทำงาน พร้อมเทคนิคจัดโต๊ะ เคลียร์สมอง!
Well-Being กลยุทธ์สร้างสุขภาวะที่ดีให้กับพนักงาน
ทุกธุรกิจ ทุกองค์กร มีการจัดการคนทำงานในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ถ้าวันนี้ลองสังเกตดูว่า พนักงานของเรา ยังมีความสุขในการทำงานหรือไม่ การทำงานของแต่ละคนมีประสิทธิภาพที่ตอบโจทย์องค์กรมากแค่ไหน และคุณภาพชีวิตของพนักงานดีขึ้นทุกด้านรึเปล่า หากผู้นำหรือผู้บริหารสามารถมองจุดนี้ได้ ธุรกิจก็จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน
5 โรคจากการทำงานในโรงงานและวิธีป้องกันสุขภาพพนักงาน
โรงงานเป็นสถานที่ทำงานที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิด โรคจากการทำงาน (Occupational Diseases) เนื่องจากพนักงานต้องเผชิญกับเสียงดัง ฝุ่น สารเคมี เครื่องจักร รวมถึงตารางการทำงานที่เข้มข้นและซ้ำซาก หากองค์กรและ HR ไม่ใส่ใจ อาจทำให้พนักงานเจ็บป่วยจนกระทบต่อประสิทธิภาพการผลิต ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ และการลาออกที่สูงขึ้น

Mental Health สุขภาพจิตและความสุขในที่ทำงาน
ในยุคปัจจุบัน สุขภาพจิต หรือ Mental Health กลายเป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจมากขึ้นในทุกวงการ โดยเฉพาะในองค์กรที่ต้องการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ส่งเสริมทั้งประสิทธิภาพและความสุขของพนักงาน การใส่ใจสุขภาพจิตในที่ทำงานไม่เพียงช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ แต่ยังช่วยลดปัญหาอัตราการลาออกและการขาดงานอีกด้วย

สร้าง Employee Wellbeing อย่างไร ให้พนักงานสุขภาพดี
Employee Wellbeing หรือ “สุขภาวะพนักงาน” หมายถึง สภาวะที่พนักงานมีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และการทำงานอย่างมีความสุข ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ระบุว่า “สุขภาวะที่ดีไม่ใช่แค่การไม่มีโรค แต่คือการมีชีวิตที่สมบูรณ์ในทุกมิติ”

SET Start healthy strong together with SAKID
จบไปแล้วสำหรับกิจกรรม SET Start healthy strong together ที่แข่งขันทำภาารกิจสุขภาพดี โดยผ่าน SAKID application ตลอดระยะเวลากันยายน– พฤศจิกายน 67 มีการออกแบบภารกิจสุขภาพทั้งปรับเรื่องอาหาร ลดไขมัน เพิ่มผักใย และออกกำลังกายให้เหมาะสมพร้อมด้วยโค้ชนักกำหนดอาหารวิชาชีพดูแลเป็นรายบุคคลในการปรับการกินอาหารตามภารกิจในแต่ละวัน โดยได้มีการจัดแบ่งทีมทั้งหมด 4 ทีมเพื่อแข่งขันสุขภาพดีและได้รับรางวัลโดยคนที่มีคะแนนสูงสุดในแต่ละทีมจะได้รางวัลพิเศษอีกด้วย ในกิจกรรมนี้ทุกคนได้ที่เข้าร่วมได้ปรับเปลี่ยนโดยการกินน้ำเปล่าเพิ่มมากขึ้น เดินกันเพิ่มมากขึ้น และส่งรูปอาหารที่กินมีผักเพิ่มขึ้นในแต่ละมื้อ