URL Copied!

วิธีดึงพนักงานกลับมาเมื่อ หมดpassionในการทำงาน

      เคยสังเกตไหมว่า ทำไมพนักงานที่เคยเต็มไปด้วยไฟในการทำงาน เคยเป็นคนเสนอไอเดียใหม่ ๆ อย่างกระตือรือร้น กลับค่อย ๆ กลายเป็นคนที่นั่งเงียบ ไม่อยากออกความคิดเห็น และทำงานไปวัน ๆ เพียงเพื่อรอให้หมดเวลา? นี่ไม่ใช่เพียงแค่ “อาการเหนื่อย” ชั่วคราว แต่เป็นสัญญาณสำคัญของ หมดpassionในการทำงาน ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในองค์กรไทยและทั่วโลก

 

       ในประเทศไทยเอง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ก็เคยรายงานว่า พนักงานกว่า 1 ใน 3 เผชิญภาวะเครียดเรื้อรังจากการทำงาน และหลายกรณีกลายเป็น หมดไฟในการทำงาน ตามมา ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อทั้งสุขภาพพนักงานและผลประกอบการขององค์กร

ทำไมพนักงานถึง หมดpassionในการทำงาน

การที่พนักงานรู้สึกหมดไฟหรือหมด passion มักไม่ได้เกิดจากสาเหตุเดียว แต่เป็นผลรวมจากหลายปัจจัยที่สะสมจนทำให้แรงจูงใจและความสุขในการทำงานลดลง

 

1. ปัจจัยด้านตัวพนักงาน (Individual)

• ความไม่สมดุลชีวิต-งาน (Work-Life Imbalance): พนักงานที่ทำงานเกินเวลาตลอด ไม่เหลือเวลาส่วนตัว จะรู้สึกว่า “งานแย่งชีวิต” จนนำไปสู่ความเหนื่อยล้าเรื้อรัง

• เป้าหมายส่วนตัวไม่สอดคล้องกับงาน: เมื่อสิ่งที่ทำไม่ตอบโจทย์เส้นทางชีวิตหรือคุณค่าที่ตนเองเชื่อ เช่น อยากทำงานสร้างคุณค่า แต่กลับเจองานเน้นผลกำไรเพียงอย่างเดียว ทำให้หมดแรงใจ

• สุขภาพกายและจิต: การพักผ่อนไม่เพียงพอ อาหารไม่ถูกหลัก หรือเผชิญความเครียดสะสม ล้วนทำให้ passion ดับลงได้ง่าย

 

2. ปัจจัยด้านงาน (Job Factor)

• งานซ้ำซาก ไม่มีความท้าทาย: เมื่อพนักงานทำงานแบบเดิมซ้ำ ๆ ไม่ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์หรือทักษะใหม่ ๆ จะรู้สึกว่างานไร้ความหมาย

• ขาดโอกาสการพัฒนา: หากองค์กรไม่สนับสนุนการเรียนรู้ใหม่ พนักงานจะรู้สึกว่าอนาคตตัน ไม่เห็นเส้นทางเติบโต

• ระบบวัดผลงานไม่เป็นธรรม: การที่ผลงานไม่ได้รับการยอมรับ หรือถูกประเมินไม่สอดคล้องกับความจริง ทำให้รู้สึกท้อและหมดกำลังใจ

 

3. ปัจจัยด้านองค์กร (Organizational Factor)

• วัฒนธรรมองค์กรไม่เอื้อต่อความสุข: องค์กรที่เน้นตัวเลขมากกว่าคน ไม่ฟังเสียงพนักงาน หรือไม่มีระบบสนับสนุนสุขภาพใจ มักทำให้พนักงานรู้สึกถูกมองข้าม

• ภาวะผู้นำที่กดดันมากเกินไป: หัวหน้างานที่สื่อสารเชิงลบ ใช้วิธีบังคับมากกว่าการโค้ช จะทำให้ทีมหมด passion เร็วกว่าที่คิด

• การเปลี่ยนแปลงที่ถี่เกินไป: การปรับโครงสร้าง ย้ายทีม หรือเปลี่ยน KPI บ่อย ๆ โดยไม่มีการสื่อสารที่ดี สร้างความไม่มั่นคงและลดแรงจูงใจ

 

จะเห็นว่า หมดpassionในการทำงาน ไม่ใช่ความผิดของพนักงานเพียงฝ่ายเดียว แต่เป็นเรื่องของ “ระบบในที่ทำงาน” ที่ HR และผู้บริหารต้องร่วมกันดูแล ทั้งการออกแบบงาน วัฒนธรรมองค์กร และการสนับสนุนสุขภาวะพนักงาน

สัญญาณเตือนเมื่อพนักงาน หมดpassionในการทำงาน

การที่พนักงาน หมดpassionในการทำงาน มักไม่ได้เกิดขึ้นทันที แต่จะมี “สัญญาณเตือน” เล็ก ๆ ที่สะสมและชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ หาก HR และผู้บริหารจับสังเกตได้เร็ว ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้ปัญลามไปสู่ ภาวะหมดไฟ (Burnout Syndrome) อย่างรุนแรง

 

1. ประสิทธิภาพงานลดลงอย่างต่อเนื่อง

• ผลงานไม่ตรงตามกำหนด ทั้งที่เคยทำได้

• งานออกมาคุณภาพต่ำลง ไม่ใส่ใจรายละเอียด

• ไม่เสนอนวัตกรรมหรือไอเดียใหม่เหมือนเดิม

‣ ตัวอย่าง: พนักงานเคยเสนอไอเดียระหว่างประชุมทุกครั้ง แต่พักหลังเลือกเงียบ หรือพูดสั้น ๆ เพื่อให้จบ

 

2. พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง

• มาสาย/ขาดงานบ่อย: อ้างเหตุผลสุขภาพหรือเรื่องส่วนตัวถี่ขึ้น

• ใช้เวลาพักมากขึ้น: เดินออกไปข้างนอกบ่อย หรือใช้เวลาพักเกินกำหนด

• แยกตัวจากทีม: ไม่เข้าร่วมกิจกรรมองค์กร ทั้งที่เคยกระตือรือร้น

‣ ตัวอย่าง: จากเดิมเป็นคนร่าเริง ชวนเพื่อนร่วมทีมคุย แต่ตอนนี้นั่งเงียบ ไม่สุงสิงกับใคร

 

3. อารมณ์และทัศนคติเปลี่ยนไป

• แสดงออกถึง ความเบื่อหน่าย บ่อยครั้ง เช่น ถอนหายใจ ทำสีหน้าล้า

• พูดเชิงลบเกี่ยวกับงานหรือองค์กร

• ขาดความกระตือรือร้นในการรับมอบหมายงานใหม่

‣ ตัวอย่าง: เมื่อได้รับงานใหม่ ตอบทันทีว่า “ก็ทำได้แหละ แต่คงไม่ต่างจากเดิมหรอก”

 

4. ปัญหาสุขภาพกายและจิต

• นอนน้อย เหนื่อยง่าย เจ็บป่วยบ่อย

• บ่นปวดหัว ปวดหลัง หรือเครียดตลอดเวลา

• มีอาการซึมเศร้า เช่น เศร้าบ่อย ร้องไห้ง่าย

‣ตัวอย่าง: พนักงานลาป่วยบ่อยขึ้น โดยแพทย์ไม่พบสาเหตุทางกายที่ชัดเจน

 

5. ความสัมพันธ์ในที่ทำงานแย่ลง

• หงุดหงิดง่าย ขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงาน

• ไม่เปิดใจสื่อสารกับหัวหน้า

• ขาดความร่วมมือเมื่อต้องทำงานเป็นทีม

‣ ตัวอย่าง: เคยเป็นคนกลางประสานงาน แต่กลับกลายเป็นผู้สร้างความขัดแย้งในทีม

นักจิตวิทยาหลังแผ่นดินไหว-SAKID

กลยุทธ์ดึงพนักงานกลับมาเมื่อหมด Passion

 

1. ฟังเสียงและเข้าใจปัญหา

เริ่มต้นจากการ เปิดพื้นที่พูดคุย ไม่ว่าจะผ่าน one-on-one meeting หรือแบบสอบถามออนไลน์ เพื่อให้พนักงานได้ถ่ายทอดสิ่งที่กดดันจริง ๆ HR ควรรับฟังอย่างจริงใจ พร้อมนำข้อมูลไปออกแบบนโยบายใหม่

 

2. ปรับงานและเพิ่มความท้าทาย

พนักงานจำนวนมากหมด passion เพราะรู้สึกว่างานไม่ท้าทาย การมอบหมายโครงการใหม่ ๆ หรือเปิดโอกาสให้หมุนเวียนงาน (Job Rotation) สามารถทำให้พนักงานกลับมามีแรงบันดาลใจ

 

3. สร้างแรงบันดาลใจในการทำงานผ่านการยอมรับและการชื่นชม

Recognition เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ แม้คำชื่นชมเล็ก ๆ ก็สามารถลดความรู้สึกหมดไฟได้ องค์กรควรมีระบบประกาศยกย่องผลงาน ทั้งรายบุคคลและทีม

 

4. ใช้โปรแกรม Wellbeing และ EAP

การดูแลสุขภาพกายและใจเป็นหัวใจหลักในการป้องกัน burnout องค์กรสามารถนำ Workplace Wellness Program หรือ Employee Assistance Program (EAP) มาใช้เพื่อสนับสนุนด้านโภชนาการ การออกกำลังกาย และการให้คำปรึกษาทางจิตวิทยา

 

5. ออกแบบ Workshop และการเรียนรู้ใหม่

การสร้างโอกาสให้พนักงานเรียนรู้สิ่งใหม่ไม่เพียงพัฒนาทักษะ แต่ยังเติม passion ได้ เช่น Workshop จัดการความเครียดและสร้างแรงบันดาลใจ  Workshopที่ออกแบบโดยนักจิตวิทยา

Workshop นักจิตวิทยาและการปรึกษาออนไลน์สำหรับพนักงาน

หนึ่งในกลยุทธ์ที่องค์กรสามารถใช้เพื่อดูแล mental health ของพนักงานอย่างมีประสิทธิภาพ คือการจัดให้มี Workshop ด้านสุขภาพจิต และการเปิดช่องทาง ปรึกษานักจิตวิทยาออนไลน์ ซึ่งตอบโจทย์พนักงานยุคใหม่ที่อาจไม่สะดวกเดินทางไปพบผู้เชี่ยวชาญด้วยตนเอง

 

ทำไม Workshop นักจิตวิทยาจึงสำคัญ

• ช่วยให้พนักงานเข้าใจ การจัดการความเครียด และเทคนิคปรับอารมณ์ในชีวิตประจำวัน

• เปิดพื้นที่ให้พนักงานได้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และเรียนรู้ร่วมกัน

• เสริมสร้างความเข้าใจเรื่อง การป้องกัน burnout และการสร้างสมดุลชีวิต-งาน

• เป็นกิจกรรมที่แสดงให้องค์กรเห็นถึงความใส่ใจต่อสุขภาพจิตของบุคลากร

 

ตัวอย่างหัวข้อเวิร์กช็อปที่ได้รับความนิยมในองค์กร

• Mindfulness at Work  ฝึกสติในที่ทำงานเพื่อลดความเครียด

• Stress Management 101  เทคนิคจัดการความเครียดแบบง่าย ๆ

• Burn out  การรู้จักตัวเองและจัดการปัญหากับเหตุการณ์ต่างๆภายในจิตใจทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว

 

ปรึกษานักจิตวิทยาออนไลน์: การเข้าถึงที่ง่ายขึ้น

ปัจจุบันหลายองค์กรเปิดบริการ Online Counseling ให้พนักงานสามารถพูดคุยกับนักจิตวิทยาได้ผ่าน วิดีโอคอล หรือแชทส่วนตัว ข้อดีคือ

• เข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง

• รักษาความเป็นส่วนตัว ทำให้พนักงานรู้สึกปลอดภัยในการเปิดใจ

• ลดอุปสรรคเรื่อง stigma เพราะหลายคนยังรู้สึกไม่กล้าไปพบผู้เชี่ยวชาญแบบตัวต่อตัว

 

การมีทั้ง Workshop และ Online Counseling จะช่วยให้องค์กรดูแลสุขภาพจิตพนักงานได้ครบมิติ ทั้งเชิงป้องกันและการให้ความช่วยเหลือเฉพาะราย

Checklist 5 ขั้นตอนดูแล Mental Health พนักงาน

 

✅ ประเมินสถานการณ์  ใช้แบบสอบถามความเครียดและ burnout

✅ เปิดช่องทางรับฟังอย่างจริงใจ  ให้องค์กรแสดงความตั้งใจที่จะรับฟังความคิดเห็น

✅ จัดโปรแกรมสนับสนุน  เช่น EAP หรือกิจกรรมเวิร์คช็อป

✅ ฝึกอบรมหัวหน้างาน  ให้เข้าใจการสังเกตสัญญาณสุขภาพจิต

✅ ติดตามและปรับปรุง  ใช้ KPI เช่น turnover rate, sick leave days

 

        การที่พนักงาน หมดpassionในการทำงาน ไม่ใช่เรื่องผิดของใครฝ่ายเดียว แต่เป็นผลจากหลายปัจจัย ทั้งตัวงาน สภาพแวดล้อม และสุขภาพกายใจของคนทำงาน สิ่งสำคัญคือองค์กรต้องมองเห็นและเข้าใจ เพื่อช่วยให้พนักงานกลับมามีพลังและแรงบันดาลใจอีกครั้ง

 

        แล้วควรจัดกิจกรรมแบบไหนดี ระยะเวลานานเท่าใด คำตอบนี้ก็ต้องปรับให้เหมาะสมกับบริบทแต่ละองค์กร แต่หากไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ปรึกษา SAKID ได้ เราไม่ใช่แค่ผู้นำกิจกรรมสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ปรึกษาช่วยออกแบบกิจกรรมสุขภาพให้เหมาะสมกับแต่ละองค์กร รวมทั้งวิเคราะห์ผลลัพธ์ทางสุขภาพให้จบครบในที่เดียว ทำให้คนในองค์กรมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน

         Workshop กับ SAKID เรื่องการดูแลสุขภาพ ไม่ว่าจะเรื่องอาหาร ทำอาหารสุขภาพ Cooking class สุขภาพจิตปรึกษานักจิตวิทยาแบบรายบุคคลหรือทำกิจกรรมคลาสกลุ่ม นักกายภาพออฟฟิศซินโดรม โดยเรามีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่จะมาให้ความรู้เข้าใจแบบย่อยง่ายและลองทำกิจกรรมร่วมกัน อาทิเช่น คลาสโยคะ คลาสซุมบ้า คลาสออกกำลังกายหลังเลิกงาน สามารถสอบถามและช่วยออกแบบ Workshop ให้ตรงกับไลฟ์สไตล์พนักงานในบริษัทได้

แหล่งอ้างอิง

  • World Health Organization. (2019). Burn-out an “occupational phenomenon”: International Classification of Diseases. WHO.

  • Maslach, C., & Leiter, M. P. (2016). Understanding the burnout experience: Recent research and its implications for psychiatry. World Psychiatry, 15(2), 103–111.

  • กระทรวงสาธารณสุข. (2565). แนวทางป้องกันและดูแลภาวะหมดไฟในการทำงาน.

  •  

บทความที่น่าสนใจ

จัดกิจกรรม outing บริษัททำกิจกรรมอะไรดี?

จัดกิจกรรม outing บริษัททำกิจกรรมอะไรดี?

การจัด กิจกรรม outing ไม่ใช่แค่พาพนักงานไปเที่ยวพักผ่อน แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างความผูกพันกับองค์กร เพิ่มความสามัคคี และเสริมสุขภาพกาย-ใจของพนักงาน งานวิจัยของ Gallup (2022) ชี้ว่า พนักงานที่มี engagement สูง จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้มากถึง 21% และมีอัตราการลาออกน้อยลงเกือบครึ่งหนึ่ง

อ่านต่อ »
workshop การยศาสตร์ในการทำงาน-SAKID

workshop การยศาสตร์ในการทำงาน (Ergonomics Training)

กิจกรรม  Workshop “Meditationand Deep relaxation ”

เมื่อวันที่ 9  มกราคม  2567 SAKID  ได้จัดกิจกรรม Workshop “กายศาสตร์ในการทำงาน” โดยนักกายภาพบำบัดที่จะมาสอนความรู้เรื่องกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ในร่างกายเบื่้องต้น อาหารแบบไหนที่เจ็บแล้วอันตรายควรไปพบคุณหมอ การปรับท่านั่งการทำงานให้ถูกต้องตามสรีระของแต่คน ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ หรือตัวเอง การยืดกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ที่ถูกใช้บ่อย ๆ สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ เมื่อย ล้า ให้บรรเทาลง ปรับท่าแก้ปัญหาไหล่ห่อ คอยื่น และเรื่องที่ควรระวังในการยกของหนัก ท่าที่ถูกต้อง สำหรับการยกของหนัก และการนั่งทำงานที่ใช้โน๊ตบุ๊คเป็นหลัก

อ่านต่อ »
Cover Stress and work life balance-SAKID

Workshop Stress and work life balance

วันที่ 25 มิถุนายน 2568  SAKID ได้จัดกิจกรรมWorkshop stress and work life balance ที่บริษัท ภิรัชออฟฟิศ แอท เอ็มควอเทียร์ โดยนักจจิตวิทยามาร่วมพูคุยและให้ความรู้ เพื่อให้พนักงานรู้ว่าตัวเองตอนนี้กำลังเผชิญกับความเครียดอยู่หรือไม่ เคล็ดลับการจัดการความเครียดและการสื่อสารต่อเพื่อนร่วมงานและพัฒนาทักษะการสื่อสารเพื่อปฏิสัมพันธ์ที่ดียิ่งขึ้นกับลูกค้า เทคนิคการจัดการความเครียดเรื่องการจัดการภาระงาน

อ่านต่อ »
ตรวจสุขภาพประจำปี-พนักงาน-Sakid

ตรวจสุขภาพประจำปี พนักงาน สร้างกิจกรรม

ตรวจสุขภาพประจำปี สวัสดิการพนักงานบริษัทที่ทำการตรวจกันทุกปี แล้วพนักงานก็จะได้ผลตรวจสุขภาพรายบุคคนกันไป บางคนผลออกมาปกติดี บางคนก็ประสบปัญหาสุขภาพตามอายุและพฤติกรรมแบบกลุ่มกัน ไม่ว่าจะทางร่างกายและทางจิตใจ ซึ่งพนักงานแต่ละคนก็จะมีวิธีการดูแลตัวเองต่างกันไป ถ้าในบริษัทเจอปัญหาสุขภาพของพนักงานหลายคน หรือเจอปัญหาเสี่ยงโรคสุขภาพแบบกลุ่ม ทำให้มีการ ลาป่วย  งานนี้จึงมาตกอยู่ที่ HR ที่จะต้องมาดูแลพนักงานหลายสิบหรือร้อยคน เพื่อให้บริษัทได้มีพนักงานที่สุขภาพร่างกายที่แข็งแรง การมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางสามารถช่วยให้ความรู้แบบกลุ่ม ซึ่งสามารถประหยัดเวลา และ ให้พนักงานมีความรู้ความเข้าใจการดูแลตัวเองเพิ่มขึ้น

อ่านต่อ »

Performance Management คืออะไร ทำไมองค์กรควรให้ความสำคัญ

Performance Management หรือ การบริหารผลการปฏิบัติงาน คือระบบที่สามารถทำหน้าที่ควบคุม หรือชี้แนะให้พนักงานทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง

อ่านต่อ »
Sakid -Csr พนักงานออกกำลังกาย

CSR กับ SAKID พนักงานได้ออกกำลังกายและช่วยเหลือสังคมได้ด้วย

  การจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพให้กับพนักงานโดยการนำ CSR มารวมกันด้วย เป็นหนึ่งในไอเดียในการทำกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพพนักงานในบริษัทและยังมีกิจกรรมในการทำสิ่งที่มีประโยชน์คืนสู่สังคมอีกด้วย เป็นกิจกรรมที่ได้ประโยชน์เป็นอย่างมากนอกจากสุขภาพพนักงานดีขึ้นด้วยกิจกรรมส่งเสริม Productivity และยังมีกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อสังคม

อ่านต่อ »