
Self-care เป็น Soft Skill ที่พนักงานยุคใหม่ต้องมี
- 15/10/25
ในโลกการทำงานที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว Soft Skill ไม่ได้หมายถึงแค่ “ทักษะทางสังคม” อีกต่อไป แต่คือ ความสามารถในการเข้าใจและจัดการตนเอง เพื่อทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่างจาก Hard Skill ที่เป็นความรู้เฉพาะทาง Soft Skill คือ “ทักษะด้านมนุษย์” เช่น ความยืดหยุ่น การสื่อสาร การจัดการอารมณ์ และการปรับตัว ซึ่งจากรายงานของ World Economic Forum 2024 ระบุว่า 60% ขององค์กรทั่วโลกมองว่า Soft Skill คือปัจจัยสำคัญที่สุดของการจ้างงานในอนาคต
อย่างไรก็ตาม Soft Skill ไม่ได้เกิดขึ้นจากการอบรมเพียงครั้งเดียว แต่ต้อง “ฝึกในชีวิตประจำวัน” และหนึ่งใน Soft- Skill ที่กำลังได้รับความสนใจมากที่สุดในปี 2025 คือ Self-care Skill ทักษะการดูแลตัวเอง
Soft Skill คืออะไร
Soft Skill คือ ทักษะการทำงานร่วมกับคนอื่น เป็นทักษะที่เกี่ยวกับนิสัย วิธีคิด และการสื่อสารของคนเรา ไม่ใช่ความรู้เฉพาะทาง แต่เป็น ทักษะที่ทำให้คุณทำงานกับใครก็ได้ และไปได้ไกลในอาชีพ พูดง่าย ๆ คือ
Hard Skill สอนให้คุณ “ทำงานเป็น”
แต่ Soft Skill สอนให้คุณ “ทำงานเป็นทีม”
ตัวอย่างเช่น
• สื่อสารชัดเจน เข้าใจง่าย
• รู้จักควบคุมอารมณ์เวลาเจองานกดดัน
• แก้ปัญหาโดยไม่โทษกัน
• มีน้ำใจ และเข้าใจความรู้สึกของคนอื่น
• ดูแลสุขภาพและสมดุลชีวิตตัวเองได้
คนที่มี Soft Skill ดี มักจะเป็นคนที่ ทำงานร่วมกับใครก็ราบรื่น มีความรับผิดชอบ และสร้างบรรยากาศดีในทีม ซึ่งในยุคนี้ หลายองค์กรให้ความสำคัญกับ Soft Skill มากกว่า Hard Skill ด้วยซ้ำ เพราะ “ความเก่งอย่างเดียวไม่พอ ถ้าทำงานกับใครไม่ได้”

Self-care: ทักษะชีวิตที่ซ่อนอยู่ใน Soft Skill
Self-care ไม่ใช่การพักผ่อนเฉย ๆ หรือการเข้าคลินิกสุขภาพ แต่คือ ทักษะการฟังสัญญาณร่างกายและจิตใจของตัวเอง เพื่อจัดการพลังงาน อารมณ์ และขอบเขตในการทำงานอย่างสมดุล
เมื่อพนักงานขาดทักษะนี้ มักจะเกิดภาวะ “หมดไฟ” (burnout) ขาดสมาธิ และสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานได้ยากขึ้น ในทางกลับกัน พนักงานที่มี Self-care Skill ดี จะสามารถ
• รับมือกับความเครียดได้ดีกว่า
• สื่อสารอย่างเห็นอกเห็นใจมากขึ้น
• รักษาพลังงานระหว่างวันได้ยาวนานกว่า
Solf skill ที่องค์กรพัฒนาได้ผ่าน Workshop
1. โภชนาการ (Nutrition for Focus)
อาหารคือเชื้อเพลิงของสมอง การสอนพนักงานให้เข้าใจ “โภชนาการเพื่อสมาธิ” เช่น การจัดมื้อเที่ยงสมดุล การเลือกของว่างที่ไม่ทำให้พลังตก หรือเทคนิคการดื่มน้ำอย่างมีสติ ช่วยเพิ่ม Productivity และลดอาการล้า
🔹 Workshop แนะนำ: “กินเป็น เห็นความต่าง” จาก SAKID
ให้พนักงานเรียนรู้การเลือกอาหารที่ช่วยให้โฟกัสและอารมณ์ดีขึ้นตลอดวัน
2. การออกกำลังกาย (Movement for Energy)
พนักงานยุค Hybrid ต้องนั่งหน้าจอหลายชั่วโมงต่อวัน ทำให้กล้ามเนื้อและสมาธิอ่อนล้า
Workshop ด้าน movement ช่วยให้พนักงานเรียนรู้ ทักษะการจัดการพลังงาน (Energy Management) เช่น การยืดกล้ามเนื้อระหว่างประชุม หรือการตั้งเป้าการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ที่ต่อเนื่องได้จริง
🔹 Workshop แนะนำ: “Stretch & Focus”
ฝึกเทคนิคขยับร่างกายแบบสั้น ๆ เพื่อเพิ่มสมาธิในที่ทำงาน
► สนใจ Workshop กายภาพและออกกำลังกาย
3. สุขภาพจิต (Mindfulness & Stress Management)
สุขภาพจิตคือฐานของทุก Soft Skill ทั้งการสื่อสาร การฟัง และความเห็นอกเห็นใจ
Workshop แนว mindfulness หรือ stress management ช่วยให้พนักงานเรียนรู้ “ทักษะการอยู่กับปัจจุบัน” และตั้งขอบเขตงานอย่างสร้างสรรค์
🔹 Workshop แนะนำ: “Mindful Break”
สอนเทคนิคหยุดคิด-พักใจใน 5 นาที เพื่อจัดการความเครียดในวันที่งานหนัก

Self-care กับการทำงานร่วมกับผู้อื่น
หลายองค์กรพบว่า ทีมที่มีวัฒนธรรม Self-care จะมี “ความร่วมมือ (Collaboration)” สูงกว่า เพราะพนักงานที่ดูแลตัวเองได้ จะไม่ผลักความเครียดไปให้คนอื่น และเข้าใจจังหวะของทีมมากขึ้น การพัฒนา Soft Skill ด้านสุขภาพจึงไม่เพียงทำให้พนักงาน “มีความสุข”แต่ยังทำให้องค์กร “ทำงานได้อย่างมีคุณภาพ” ในระยะยาว
Checklist สุขภาพพนักงาน
✅ สำรวจสุขภาพและปัญหาของพนักงาน
✅ เลือก Workshop ครอบคลุม 3 มิติ อาหาร ออกกำลังกาย และจิตใจ
✅ ตั้งทีม HRD หรือ Wellness Committee ดูแลการพัฒนาต่อเนื่อง
✅ กำหนด KPI ด้านสุขภาพ เช่น การลดลาป่วย หรือคะแนนความสุขพนักงาน
✅ กำหนดกิจกรรมสุขภาพประจำเดือน เช่น “Healthy Lunch Week” หรือ “Mindful Morning”
💬 ตัวอย่าง Soft Skill ที่องค์กรต้องการมากที่สุด
| หมวด | ตัวอย่างทักษะ | ความสำคัญต่อองค์กร | Workshop ที่แนะนำจาก SAKID |
|---|---|---|---|
| Communication การสื่อสาร | การฟังเชิงลึก การพูดให้เข้าใจง่าย การให้ Feedback อย่างสร้างสรรค์ | ลดความเข้าใจผิดและความขัดแย้ง สื่อสารข้ามทีมได้ลื่นไหล | Mindful Communication ฝึกฟังอย่างมีสติ สื่อสารด้วยความเข้าใจ |
| Collaboration การร่วมมือ | ทำงานเป็นทีม แบ่งหน้าที่ เคารพความเห็นต่าง | เสริมวัฒนธรรมทีม สนับสนุนการทำงานข้ามแผนก | Move Together Challenge ออกกำลังกายเป็นทีม เสริมพลังใจและความสัมพันธ์ |
| Emotional Reg. จัดการอารมณ์ | ควบคุมความเครียดและแรงกดดันได้ดี | ป้องกัน Burnout เพิ่ม Resilience และ Engagement | Mindful Break เทคนิคผ่อนคลายจิตใจ 5 นาทีระหว่างวันทำงาน |
| Creative Thinking คิดเชิงสร้างสรรค์ | มองปัญหาหลายมุม สร้างแนวทางใหม่ ๆ | เพิ่มนวัตกรรมและการปรับตัวในองค์กร | Brain Refresh กระตุ้นสมองด้วยอาหารและการเคลื่อนไหว |
| Self-care ดูแลตัวเอง | จัดการพลังงาน สมดุลชีวิต และสุขภาพจิต | พื้นฐานของ Productivity และสุขภาพระยะยาว | Eat Smart, Live Smart โภชนาการเพื่อโฟกัส และสร้างพลังในวันทำงาน |
| Leadership ภาวะผู้นำเห็นอกเห็นใจ | Empathy การรับฟังโดยไม่ตัดสิน การโค้ชทีม | สร้างความไว้วางใจและความผูกพันในทีม | Lead with Empathy พัฒนาทักษะหัวหน้างานในการสื่อสารและการโค้ชทีม |
| Energy & Time จัดการเวลาและพลังงาน | วางแผนการทำงานอย่างสมดุล โฟกัสสิ่งสำคัญ | ลดความเหนื่อยล้า เพิ่มประสิทธิภาพรายวัน | Balance in Motion บริหารเวลาและพลังงานผ่านการเคลื่อนไหว |
ทำไมควรเลือก SAKID เป็นพาร์ทเนอร์สุขภาพองค์กร
• ดำเนินการโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ 3 สาขา: นักกำหนดอาหาร, นักวิทยาศาสตร์การกีฬา, และนักจิตวิทยาองค์กร
• มีทั้งกิจกรรมทั้ง แบบออนไลน์ และออนไซต์ถึงบริษัท
• มี Workshop หลากหลาย เช่น “Eat Smart at Work”, “Mindful Monday”, “Active Office Challenge”
• ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรทั่วประเทศ
หนึ่งใน Soft Skill ที่กำลังเป็นที่ต้องการมากที่สุดคือ Self-care Skill หรือ “ทักษะการดูแลตัวเอง”เพราะเมื่อพนักงานรู้จักจัดการพลังงาน อารมณ์ และความเครียดของตัวเองได้ พวกเขาจะมีสมาธิ ทำงานได้ดีขึ้น และสร้างความสัมพันธ์ในทีมที่แข็งแรงขึ้น
แล้วควรจัดกิจกรรมแบบไหนดี คำตอบนี้ก็ต้องปรับให้เหมาะสมกับบริบทแต่ละองค์กร แต่หากไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ปรึกษา SAKID ได้ เราไม่ใช่แค่ผู้นำกิจกรรมสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ปรึกษาช่วยออกแบบกิจกรรมสุขภาพให้เหมาะสมกับแต่ละองค์กร รวมทั้งวิเคราะห์ผลลัพธ์ทางสุขภาพให้จบครบในที่เดียว ทำให้คนในองค์กรมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน
Workshop กับ SAKID เรื่องการดูแลสุขภาพ ไม่ว่าจะเรื่องอาหาร ทำอาหารสุขภาพ Cooking class สุขภาพจิตปรึกษานักจิตวิทยาแบบรายบุคคลหรือทำกิจกรรมคลาสกลุ่ม นักกายภาพออฟฟิศซินโดรม โดยเรามีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่จะมาให้ความรู้เข้าใจแบบย่อยง่ายและลองทำกิจกรรมร่วมกัน อาทิเช่น คลาสโยคะ คลาสซุมบ้า คลาสออกกำลังกายหลังเลิกงาน สามารถสอบถามและช่วยออกแบบ Workshop ให้ตรงกับไลฟ์สไตล์พนักงานในบริษัทได้
แหล่งอ้างอิง
World Economic Forum. (2024). The Future of Jobs Report.
Harvard Business Review. (2023). Self-care as a leadership skill.
สถาบันพัฒนาแรงงาน (2566). แนวโน้มทักษะใหม่ของแรงงานไทยในยุคดิจิทัล.
SAKID. (2025). Workplace Wellness Program. Retrieved from https://www.sakid.app/blog/what-is-workplace-wellness-program
บทความที่น่าสนใจ

แจกแจง “กิจกรรม 5 ส มีอะไรบ้าง” เพื่อการทำงานในองค์กรที่ดียิ่งขึ้น
เพราะสภาพแวดล้อมในที่ทำงานก็เป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มศักยภาพของคนในองค์กร ยิ่งสภาพแวดล้อมดี คนทำงานก็สุขภาพดีไปด้วย ลองหันมาใช้แนวคิด 5 ส. กัน

เข้าใจ “ออฟฟิศซินโดรม” พร้อมวิธีป้องกันเบื้องต้นที่ทุกคนควรรู้
ออฟฟิศซินโดรม คืออะไร อาการ สาเหตุและพฤติกรรมเสี่ยง วิธีปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและวิธีป้องกันออฟฟิศซินโดรมเบื้องต้น ที่คนทำงานและบริษัทต้องรู้
องค์กรแห่งความสุข ฉบับคนทำงาน: 10 เคล็ดลับสร้างสถานที่ทำงานแห่งความสุข
คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมบางองค์กรถึงประสบความสำเร็จอย่างสูง ในขณะที่บางองค์กรกลับล้มเหลว คำตอบอยู่ที่ความสุขของพนักงาน งานวิจัยมากมายชี้ให้เห็นว่าพนักงานที่มีความสุขนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นสำหรับองค์กร ไม่ว่าจะเป็นผลผลิตที่เพิ่มขึ้น ความคิดสร้างสรรค์ที่มากขึ้น อัตราการลาออกที่ลดลง และการให้บริการลูกค้าที่ดีขึ้น

Mental Health สุขภาพจิตและความสุขในที่ทำงาน
ในยุคปัจจุบัน สุขภาพจิต หรือ Mental Health กลายเป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจมากขึ้นในทุกวงการ โดยเฉพาะในองค์กรที่ต้องการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ส่งเสริมทั้งประสิทธิภาพและความสุขของพนักงาน การใส่ใจสุขภาพจิตในที่ทำงานไม่เพียงช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ แต่ยังช่วยลดปัญหาอัตราการลาออกและการขาดงานอีกด้วย

“ดูแลสุขภาพพนักงาน” การสร้างสุขเบื้องต้นที่คุณไม่ควรมองข้าม
สุขภาพของพนักงานสำคัญกว่าที่คิด! บริษัทจะดูแลสุขภาพพนักงานได้อย่าไรบ้าง? แชร์ 5 เรื่องที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ในองค์กร เพิ่มความสุข ส่งเสริมสุขภาพให้พนักงาน

การส่งเสริม สุขภาพองค์รวม ดูแลร่างกายและจิตใจเพื่อชีวิตที่สมดุล
ในยุคปัจจุบันที่ชีวิตเต็มไปด้วยความเร่งรีบและความเครียด สุขภาพที่ดีไม่ใช่เพียงแค่การไม่มีโรคภัย แต่หมายถึงการมีสมดุลในทุกด้านของชีวิต การส่งเสริมสุขภาพองค์รวม (Holistic Health) เป็นแนวคิดที่เน้นการดูแลสุขภาพแบบครบวงจร ทั้งทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม เพื่อให้เรามีชีวิตที่แข็งแรงและมีความสุขอย่างยั่งยืน